-- ครั้งสุดท้ายที่เขามาปรากฎตัวในนิตยสารนี้ก็ตั้งแต่หน้าร้อน
ปี 2008 ตอนนั้นเขาได้เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆในช่วงนั้น ว่ามันมีช่องว่างบางอย่างระหว่างความนิยมของพวกเขาและทักษะทางดนตรี และตอนนี้... หลังจากผ่านมานานกว่า 5 ปีครึ่ง
เขาก็กลับมาในฐานะสมาชิกวงร็อคที่แข็งแกร่ง
แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังอยากรู้เรื่องของเขามากขึ้นอีก ว่าทั้งสภาพร่างกายและเสียงดนตรีของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
โทระ : ขอความกรุณาด้วยครับ
ว่าแต่มันผ่านมาตั้ง 5 ปีครึ่งแล้วจริงเหรอเนี่ย?
-- เราอยากรู้อาการอักเสบของหมอนรองกระดูกคอที่เกิดขึ้นระหว่างไลฟ์ทัวร์จนทำให้กำหนดการต่างๆ
ถูกเลื่อนออกไปน่ะ
หลังจากนั้นคุณดูฟื้นตัวได้เร็วมาก
ตอนนั้นคุณบอกว่าอาการบาดเจ็บมันส่งผลให้แขนซ้ายขยับไม่ได้
และมันทำให้คุณคิดว่า “ชีวิตของฉันในฐานะมือกีต้าร์..มันจบสิ้นแล้ว”
โทระ : ครับ
ผมเคยคิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้ผมหายแล้วนะ
ถึงจะยังกังวลว่าอาการอาจกำเริบขึ้นมาอีกก็ตาม
แต่ตอนนี้ผมสบายดีจริงๆ เรื่องคราวนั้นมันก็แค่อดีต ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เสียงเพลงของผมก็ด้วย ในฐานะมนุษย์คนนึง..
ผมเติบโตขึ้นมาก เพื่อบทเพลงของผม
-- เป็นข่าวดีมากเลยนะ
จริงมั้ย?
โทระ : แน่นอนครับ
สำหรับผม.. Alice Nine ไม่ใช่วงที่ยึดติดกับแนวคิดที่ว่า
“ต้องแบบนี้เท่านั้นจึงจะสมเป็น Alice Nine”
พวกเราไม่ยึดติดกับอะไรเดิมๆ
ไม่ชอบทำอะไรซ้ำซาก พวกเราอยากที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ผมคิดว่าเราจะยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย
นี่แหละคือสิ่งที่เราเป็นมาตลอดจนถึงตอนนี้และในอนาคตข้างหน้าก็ด้วย
-- อื้อ ฉันมองว่าในฐานะวงดนตรี..
พวกคุณมีทัศนคติที่ดีมากนะ ฉันกำลังพูดถึงซิงเกิ้ลล่าสุดอย่าง [ SHINING ] มันเป็นเพลงที่เจิดจ้ามาก เต็มไปด้วยความคิดเชิงบวกที่กระตุ้นให้คนเราฮึดสู้ และมีความมุ่งมั่น ฉันรู้สึกได้เลยว่า
มันเป็นเพลงที่ใส่ทัศนคติของ Alice Nine ลงไป
โทระ : ครับ
บางครั้งเราก็เป็นแบบนั้นนะ ทุกคนคงคิดว่าสไตล์ของ Alice Nine จะต้องเจิดจ้า และบางส่วนของเพลงก็ฟังดู
เปล่งประกาย ใช่มั้ยครับ? พวกเราปล่อยซิงเกิ้ลออกมามากมาย
และเพลงโปรโมทมักจะฟังแล้วสดใจเจิดจ้า
นั่นจึงทำให้พวกเราดูมีภาพลักษณ์แบบนั้นตามไปด้วย
แต่ถ้าคุณลองฟังเพลงของพวกเราดีๆ คุณจะพบว่ามันมีซาวด์ที่ทั้งหนักแน่นและบ้าคลั่ง
ผมสงสัยจริงๆนะ..ว่าทำไมภาพลักษณ์แบบนี้ถึงไม่มีใครมองเห็นบ้างอะ? (หัวเราะ)
-- น่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ ทั้งๆที่หลายเพลงในอัลบั้มก็มีซาวด์แบบนั้นแท้ๆ
เฮ้อ~
โทระ : ครับ นั่นเพราะตัวตนอีกด้านหนึ่งของเรามันเริ่มมีชีวิตโลดแล่นอยู่ในแต่ละเพลงในอัลบั้มไงล่ะ คุณไม่รู้สึกเหรอว่า
ด้านสว่างสดใสที่มีแต่คนสังเกตเห็นในแต่ละซิงเกิ้ลมันได้ถูกกระชากออกไป? เพราะมันเป็นเพียงแค่ตัวแทนของ Alice
Nine ที่ช่วยดึงดูดให้ทุกคนยอมรับพวกเราได้ง่ายขึ้น
..เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่สดใสเพื่อให้คุณรับรู้ถึงหนทางเข้าสู่บทเพลงของเรา แต่บางครั้งผมก็สงสัยว่ามันอาจจะไร้ประโยชน์ก็ได้ ถ้าทุกคนเลือกจดจำแต่ภาพลักษณ์ที่สดใสสวยงาม
เพราะพวกเราจะเป็นวงที่น่าหลงใหลได้ก็ต่อเมื่อทุกคนรับรู้ถึงแก่นที่แท้จริงของบทเพลงของเรา
[อ่านแล้วรู้สึกเหมือน
Alice Nine วางกับดักแสนสวยไว้ เพื่อหลอกล่อแฟนเกล แล้วหลังจากนั้นเราก็จะได้รับรู้ว่าที่จริงแล้ว
Alice Nine นั้น...ซาดิสม์ กรั่กๆๆๆ XD]
-- ฉันก็คิดแบบนั้นนะ ตอนที่พวกคุณปล่อยอัลบั้มที่ 2 [Alpha] ออกมาในเดือนพฤศจิกายน ปี 2007
ภาพลักษณ์ของพวกคุณดูสดใสและเปล่งประกายกว่าเดิมมาก ฉันจึงคิดว่าต่อไปก็คงได้เห็นแต่ภาพลักษณ์แบบนี้ในเพลงของพวกคุณแล้วล่ะ
แต่หลังจากนั้นพวกคุณก็ปล่อยซิงเกิ้ลที่มีซาวด์หนักหน่วงอย่าง [Kowloon
–NINE HEADS RODEO SHOW-] ออกมา เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม [Zekkeishoku] ด้วยสินะ
แถมยังถูกนำไปเล่นในไลฟ์ตลอดเลยด้วย
เป็นเพลงที่ดังมากจริงๆ เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ จริงมั้ย?
โทระ : ครับ แต่จริงๆแล้วตอนที่พวกเราฟอร์มวงใหม่ๆ เราก็ดูสดใสนิดๆเหมือนกันนะ (หัวเราะ)
เวลาวงอื่นๆมองพวกเรา พวกเขาคงคิดว่า
“ไอ้พวกนี้...คงไม่ได้จริงจังกับการทำเพลงสักเท่าไหร่หรอก!” ผมยอมรับนะว่ามีช่วงนึงที่เราแทบไม่มีเวลาทำเพลงใหม่ๆ
แต่ผมอยากให้รู้ไว้ว่า ฮิโรโตะไม่ได้มาอยู่วงเรา
เพื่อมานั่งคิดว่าวันนี้จะกินอะไรที่ไหนดีหรอกนะ
และพวกเราที่เหลือก็ไม่ได้เอาแต่สนุกเฮฮาไปวันๆ
พวกเราฟอร์มวงขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างสุดหัวใจ
แต่ทันทีที่เราเซ็นสัญญากับบริษัท พวกเราก็ยุ่งขึ้นมาก ถึงจะเป็นช่วงที่เราไม่ได้แต่งเพลงใหม่ๆขึ้นมา
แต่เราก็ยังยุ่งอยู่ดี
แล้วเรายังต้องขึ้นไลฟ์ทั้งๆที่มีเพลงอยู่แค่ไม่กี่เพลง
ถ้าคุณถามผมตอนนี้ว่าทำไมช่วงนั้นถึงยุ่งล่ะก็...
ผมตอบได้เลยว่า เรามัวแต่วุ่นเรื่องถ่าย Photoshoots ไงล่ะ
(หัวเราะ) มันต้องทำอย่างเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ตารางงานมีแต่ถ่าย Photoshoots เต็มไปหมด! แค่เดือนเดียวเราไปถ่ายให้กับนิตยสารตั้ง
30 แห่งแหน่ะ แม้กำหนดการไลฟ์ทัวร์จะใกล้เข้ามา
เราก็ยังคงเก็กท่าถ่าย Photoshoots กันต่อไป~
ซ้อมก็ไม่ได้ซ้อม
เพราะตารางงานถูกจับจองด้วยการถ่าย Photoshoots
แน่นเอี๊ยดถล่มทลาย
แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปซ้อมดนตรีล่ะ!!
ผมรู้สึกแบบ
อ๊ากก เมื่อไหร่จะได้แต่งเพลงบ้างเนี่ยย!? ถึงแม้จะค่อนข้างเหลือเชื่อที่นิตยสารส่วนมากขายหมดเกลี้ยงก็เหอะ
ผมรู้สึกซาบซึ้งมากเลยนะครับที่ได้ร่วมงานกับพวกเขาและขอบคุณจริงๆที่เลือกพวกเราไปถ่าย
ถึงนั่นจะทำให้เราไม่เหลือเวลาทำเพลงและซ้อมดนตรีเลยก็ตาม ขนาดไลฟ์ทัวร์เริ่มขึ้นแล้ว แต่พายุแห่ง Photoshoots ก็ยังไม่จบสิ้น และนั่นก็ทำให้วันยุ่งๆยังคงดำเนินต่อไป
แล้วเราก็ถูกเข้าใจผิดมากขึ้นเรื่อยๆ
-- มีใครทักบ้างมั้ยว่า
“พวกนายจะขายออกมั้ยเนี่ย?!”
โทระ : ใช่ ใช่ ใช่ (หัวเราะ) เข้าใจผิดกันอย่างแรงเลยอะ มันเหมือนกับว่าพวกเขาเข้าใจคำว่ายุ่งของเราผิดไปหมดเลย
(หัวเราะ) และมันก็ยังคงเป็นแบบนี้ไปจนเราออกอัลบั้มที่ 2 [Alpha] นั่นแหละ และพอพวกเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็เหมือนจะมีเรื่องอื่นที่ทำให้ทุกคนเข้าใจเราผิดอีก จากนั้นเมื่อวงของพวกเราเริ่มตั้งหลักได้ หลายสิ่งหลายอย่างที่วิ่งวุ่นทำมาตลอดก็หายไปใน
พริบตา เราได้เล่นไลฟ์ใน Live House ที่ใหญ่ขึ้น ..ได้รับโอกาสโดยที่มีทักษะด้านดนตรีน้อยมาก ผมเชื่อว่าแฟนๆน่าจะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีเลยล่ะ มันจึงทำให้เราตระหนักได้ถึงจุดยืนของเราว่า “ถึงเวลาที่ต้องซ้อมดนตรีอย่างจริงจังแล้ว”
-- ครั้งล่าสุดที่คุณมาสัมภาษณ์กับนิตยสารของเรา
คุณก็เคยพูดถึงเรื่องประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้เล่นไลฟ์ที่ International
Forum Hall A เมื่อวันที่ 3 กันยายน ปี 2007
โทระ : ครับ
ถ้าจำไม่ผิด..ตั๋วขายหมดเกลี้ยงเลยด้วยนะ
มันคงทำให้หลายๆคนเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับพวกเราไปเลย
หรืออย่างน้อยก็คงลองคิดทบทวนดูอีกครั้ง ..เหมือนกับว่าทุกอย่างของพวกเราได้รับการพิจารณาใหม่ ผมคิดว่าหลังจากตอนนั้น พวกเราจึงดูสมกับเป็นวงดนตรีขึ้นมาจริงๆน่ะ
-- ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ โชคุงก็เคยพูดทำนองนั้นเหมือนกัน เขาบอกว่า เวลาที่มองย้อนกลับไปสมัยก่อน มันทำให้คิดว่า พวกเขาเหมือน “วงดนตรีที่เล่นสนุกกันแค่ที่บ้าน” ยังไงก็ตาม
พวกคุณเป็นวงที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านทักษะ
มาตลอด ฉันจึงคิดว่า พวกคุณเริ่มต้นได้ดีมาก เพราะการจะวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วนั้น...ความมั่นคงเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด
โทระ : แต่ผมกลับมองว่ามันเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้เลยนะ ถ้าเราเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ
โดยที่มีทักษะไม่เพียงพอ
อย่างไลฟ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้
ผมว่าเราก็ยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
อันที่จริงมันค่อนข้างแย่เลยแหละ เพราะในไลฟ์ครั้งนั้น เราเอาแนวเพลงที่แต่งขึ้นเล่นๆ ช่วงที่ว่างจากตารางงานที่ยุ่งสุดๆไปเล่นด้วยน่ะ เป็นแนวเพลงที่ผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นและตะวันตก ในตอนนั้นเราคิดว่า มันน่าจะดีถ้าทำเพลงแนวนี้ออกมาบ้าง เพราะงั้นคอสตูมก่อนหน้านี้ของพวกเราจึงมีสไตล์แบบนั้นด้วย
แต่ว่ามันดันดูไม่ค่อยเข้ากับเพลงของพวกเราเลยสักนิด มันเลยไม่มีความหมายที่จะดึงดันทำเพลงสไตล์นั้นต่อไป ความคิดที่ว่า “ไม่ใช่..
มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ” มันแว่บเข้ามา
แล้วเราก็เลิกทำเพลงสไตล์นั้นไปเลย
-- แล้วเมื่อเดือนมิถุนายน
ปี 2009 ที่พวกคุณเปลี่ยนชื่อวงจาก
[ アリス九號.] เป็น [ Alice
Nine ] ทำแบบนั้นมีความหมาย
อะไรรึเปล่า?
โทระ : ตอนนั้นเรามองว่าเรายังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างสักเท่าไหร่
ก็เลยลองเปลี่ยนชื่อวงเป็นภาษาอังกฤษดูน่ะ
ตัวคันจิมันสร้างความประทับใจได้มากก็จริง
แต่ความรู้สึกอยากให้วงเป็นที่รู้จักมากขึ้นมันมีมากกว่าน่ะ
-- เข้าใจแล้ว
แต่โทระคุงเคยบอกว่า “พวกเราไม่สนใจขึ้นไลฟ์ในที่ใหญ่ๆหรอก”
โทระ : ทุกวันนี้เราก็ยังคิดแบบนั้นนะครับ พวกเรารักการขึ้นไลฟ์ ขนาดของสถานที่จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้ขึ้นไลฟ์ในสถานที่ที่เรารู้สึกได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะงั้นเราจึงไม่เคยจุกจิกกับขนาดของสถานที่หรอกครับ
-- แล้วคุณก็เคยบอกว่า
“พวกเราไม่เคยตั้งความหวังถึงไลฟ์ใน Budokan หรือสถานที่อื่นที่คล้ายๆกันเลย”
โทระ : ความคิดของเราคงเปลี่ยนไปแล้วน่ะครับ เมื่อเร็วๆนี้
ผมคิดว่าอยากจะขึ้นไปยืนอยู่ที่ Budokan อีกสักครั้งก็ยังดี คงเพราะเราเริ่มรู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เราอยากจะแสดงให้เห็นที่
Budokan จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงคิดแบบนั้น
แต่หลังจากนั้นมันก็ยิ่งทำให้เราอยากแสดงไลฟ์ที่คู่ควรกับสถานที่แบบ
Budokan แต่ความจริงมันโหดร้ายมากครับ เพราะเราก็ยังรู้สึกไม่คู่ควรอยู่ดี
หรือพูดให้ถูกก็คือเรายังไม่มีค่ามากพอกับที่นั่น แต่ตอนนี้แฟนๆทุกคนได้มอบความมั่นใจให้แก่พวกเราแล้ว ผมอยากจะกลับไปยืนอยู่ที่นั่นอีกสักครั้ง
ผมคิดว่าเราก้าวมาอยู่ในจุดที่สามารถแสดงไลฟ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกว่า
“เราจะสร้างสรรค์สถานที่ที่เป็นของเราเอง”
ถึงแม้เราจะเล่นเพลงเดิมๆ แต่เมื่อเราเล่นเพลงนั้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ความรู้สึกที่ทุกคนมีต่อเพลงก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด พวกเราเคยคิดแค่ว่า “มาเล่นดนตรีกันเถอะ”
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นไลฟ์ที่ Budokan ก็ไม่เป็นไร พวกเราไม่ได้ใจจดใจจ่อว่าจะแสดงอะไรบ้าง หากได้ขึ้นไลฟ์ในสถานที่ใหญ่ๆแบบนั้น
แต่ตอนนี้เมื่อเรามีสิ่งที่อยากจะแสดงให้แฟนๆได้รับรู้
เราจึงเริ่มคิดถึงการแสดงในสถานที่ใหญ่ๆอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะมีหลายอย่างที่เราอยากจะแสดงที่นั่น
นี่คือเหตุผลทั้งหมดครับ
Translated Japanese to English --- Akinojou @tumblr ---
Scans --- Fantasy Alice Nine @blogspot ---
Translated Japanese to English --- Akinojou @tumblr ---
Scans --- Fantasy Alice Nine @blogspot ---