วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ROCK AND READ : Vol.52 - Tora ::: 30% Completed :::






-- ครั้งสุดท้ายที่เขามาปรากฎตัวในนิตยสารนี้ก็ตั้งแต่หน้าร้อน ปี 2008  ตอนนั้นเขาได้เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆในช่วงนั้น  ว่ามันมีช่องว่างบางอย่างระหว่างความนิยมของพวกเขาและทักษะทางดนตรี  และตอนนี้... หลังจากผ่านมานานกว่า 5 ปีครึ่ง  
เขาก็กลับมาในฐานะสมาชิกวงร็อคที่แข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังอยากรู้เรื่องของเขามากขึ้นอีก  ว่าทั้งสภาพร่างกายและเสียงดนตรีของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

โทระ : ขอความกรุณาด้วยครับ  ว่าแต่มันผ่านมาตั้ง 5 ปีครึ่งแล้วจริงเหรอเนี่ย?



-- เราอยากรู้อาการอักเสบของหมอนรองกระดูกคอที่เกิดขึ้นระหว่างไลฟ์ทัวร์จนทำให้กำหนดการต่างๆ ถูกเลื่อนออกไปน่ะ  
หลังจากนั้นคุณดูฟื้นตัวได้เร็วมาก  ตอนนั้นคุณบอกว่าอาการบาดเจ็บมันส่งผลให้แขนซ้ายขยับไม่ได้ และมันทำให้คุณคิดว่า “ชีวิตของฉันในฐานะมือกีต้าร์..มันจบสิ้นแล้ว”

โทระ : ครับ  ผมเคยคิดอย่างนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้ผมหายแล้วนะ  ถึงจะยังกังวลว่าอาการอาจกำเริบขึ้นมาอีกก็ตาม  
แต่ตอนนี้ผมสบายดีจริงๆ  เรื่องคราวนั้นมันก็แค่อดีต  ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว  เสียงเพลงของผมก็ด้วย  ในฐานะมนุษย์คนนึง..
ผมเติบโตขึ้นมาก  เพื่อบทเพลงของผม



-- เป็นข่าวดีมากเลยนะ จริงมั้ย?

โทระ : แน่นอนครับ  สำหรับผม.. Alice Nine ไม่ใช่วงที่ยึดติดกับแนวคิดที่ว่า “ต้องแบบนี้เท่านั้นจึงจะสมเป็น Alice Nine” 
พวกเราไม่ยึดติดกับอะไรเดิมๆ  ไม่ชอบทำอะไรซ้ำซาก  พวกเราอยากที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา  ผมคิดว่าเราจะยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย  นี่แหละคือสิ่งที่เราเป็นมาตลอดจนถึงตอนนี้และในอนาคตข้างหน้าก็ด้วย  



-- อื้อ  ฉันมองว่าในฐานะวงดนตรี.. พวกคุณมีทัศนคติที่ดีมากนะ  ฉันกำลังพูดถึงซิงเกิ้ลล่าสุดอย่าง  [ SHINING ] มันเป็นเพลงที่เจิดจ้ามาก  เต็มไปด้วยความคิดเชิงบวกที่กระตุ้นให้คนเราฮึดสู้ และมีความมุ่งมั่น  ฉันรู้สึกได้เลยว่า มันเป็นเพลงที่ใส่ทัศนคติของ Alice Nine ลงไป

โทระ : ครับ  บางครั้งเราก็เป็นแบบนั้นนะ  ทุกคนคงคิดว่าสไตล์ของ Alice Nine จะต้องเจิดจ้า และบางส่วนของเพลงก็ฟังดู
เปล่งประกาย ใช่มั้ยครับ?  พวกเราปล่อยซิงเกิ้ลออกมามากมาย และเพลงโปรโมทมักจะฟังแล้วสดใจเจิดจ้า  นั่นจึงทำให้พวกเราดูมีภาพลักษณ์แบบนั้นตามไปด้วย แต่ถ้าคุณลองฟังเพลงของพวกเราดีๆ  คุณจะพบว่ามันมีซาวด์ที่ทั้งหนักแน่นและบ้าคลั่ง  
ผมสงสัยจริงๆนะ..ว่าทำไมภาพลักษณ์แบบนี้ถึงไม่มีใครมองเห็นบ้างอะ? (หัวเราะ)



-- น่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ  ทั้งๆที่หลายเพลงในอัลบั้มก็มีซาวด์แบบนั้นแท้ๆ เฮ้อ~

โทระ : ครับ  นั่นเพราะตัวตนอีกด้านหนึ่งของเรามันเริ่มมีชีวิตโลดแล่นอยู่ในแต่ละเพลงในอัลบั้มไงล่ะ  คุณไม่รู้สึกเหรอว่า 
ด้านสว่างสดใสที่มีแต่คนสังเกตเห็นในแต่ละซิงเกิ้ลมันได้ถูกกระชากออกไป?  เพราะมันเป็นเพียงแค่ตัวแทนของ Alice Nine ที่ช่วยดึงดูดให้ทุกคนยอมรับพวกเราได้ง่ายขึ้น ..เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่สดใสเพื่อให้คุณรับรู้ถึงหนทางเข้าสู่บทเพลงของเรา  แต่บางครั้งผมก็สงสัยว่ามันอาจจะไร้ประโยชน์ก็ได้  ถ้าทุกคนเลือกจดจำแต่ภาพลักษณ์ที่สดใสสวยงาม  เพราะพวกเราจะเป็นวงที่น่าหลงใหลได้ก็ต่อเมื่อทุกคนรับรู้ถึงแก่นที่แท้จริงของบทเพลงของเรา

[อ่านแล้วรู้สึกเหมือน Alice Nine วางกับดักแสนสวยไว้ เพื่อหลอกล่อแฟนเกล แล้วหลังจากนั้นเราก็จะได้รับรู้ว่าที่จริงแล้ว Alice Nine นั้น...ซาดิสม์ กรั่กๆๆๆ XD]



-- ฉันก็คิดแบบนั้นนะ  ตอนที่พวกคุณปล่อยอัลบั้มที่ 2 [Alpha] ออกมาในเดือนพฤศจิกายน ปี 2007 ภาพลักษณ์ของพวกคุณดูสดใสและเปล่งประกายกว่าเดิมมาก  ฉันจึงคิดว่าต่อไปก็คงได้เห็นแต่ภาพลักษณ์แบบนี้ในเพลงของพวกคุณแล้วล่ะ แต่หลังจากนั้นพวกคุณก็ปล่อยซิงเกิ้ลที่มีซาวด์หนักหน่วงอย่าง [Kowloon –NINE HEADS RODEO SHOW-]  ออกมา  เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม [Zekkeishoku] ด้วยสินะ  แถมยังถูกนำไปเล่นในไลฟ์ตลอดเลยด้วย  เป็นเพลงที่ดังมากจริงๆ  เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ  จริงมั้ย?

โทระ : ครับ แต่จริงๆแล้วตอนที่พวกเราฟอร์มวงใหม่ๆ  เราก็ดูสดใสนิดๆเหมือนกันนะ (หัวเราะ) เวลาวงอื่นๆมองพวกเรา  พวกเขาคงคิดว่า “ไอ้พวกนี้...คงไม่ได้จริงจังกับการทำเพลงสักเท่าไหร่หรอก!” ผมยอมรับนะว่ามีช่วงนึงที่เราแทบไม่มีเวลาทำเพลงใหม่ๆ แต่ผมอยากให้รู้ไว้ว่า ฮิโรโตะไม่ได้มาอยู่วงเรา  เพื่อมานั่งคิดว่าวันนี้จะกินอะไรที่ไหนดีหรอกนะ และพวกเราที่เหลือก็ไม่ได้เอาแต่สนุกเฮฮาไปวันๆ  พวกเราฟอร์มวงขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างสุดหัวใจ  

แต่ทันทีที่เราเซ็นสัญญากับบริษัท  พวกเราก็ยุ่งขึ้นมาก  ถึงจะเป็นช่วงที่เราไม่ได้แต่งเพลงใหม่ๆขึ้นมา แต่เราก็ยังยุ่งอยู่ดี  
แล้วเรายังต้องขึ้นไลฟ์ทั้งๆที่มีเพลงอยู่แค่ไม่กี่เพลง  

ถ้าคุณถามผมตอนนี้ว่าทำไมช่วงนั้นถึงยุ่งล่ะก็... ผมตอบได้เลยว่า เรามัวแต่วุ่นเรื่องถ่าย Photoshoots ไงล่ะ (หัวเราะ) มันต้องทำอย่างเลี่ยงไม่ได้จริงๆ  ตารางงานมีแต่ถ่าย Photoshoots เต็มไปหมด!  แค่เดือนเดียวเราไปถ่ายให้กับนิตยสารตั้ง 30 แห่งแหน่ะ  แม้กำหนดการไลฟ์ทัวร์จะใกล้เข้ามา เราก็ยังคงเก็กท่าถ่าย Photoshoots  กันต่อไป~  ซ้อมก็ไม่ได้ซ้อม  เพราะตารางงานถูกจับจองด้วยการถ่าย Photoshoots แน่นเอี๊ยดถล่มทลาย  แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปซ้อมดนตรีล่ะ!! 

ผมรู้สึกแบบ อ๊ากก เมื่อไหร่จะได้แต่งเพลงบ้างเนี่ยย!? ถึงแม้จะค่อนข้างเหลือเชื่อที่นิตยสารส่วนมากขายหมดเกลี้ยงก็เหอะ  
ผมรู้สึกซาบซึ้งมากเลยนะครับที่ได้ร่วมงานกับพวกเขาและขอบคุณจริงๆที่เลือกพวกเราไปถ่าย  ถึงนั่นจะทำให้เราไม่เหลือเวลาทำเพลงและซ้อมดนตรีเลยก็ตาม  ขนาดไลฟ์ทัวร์เริ่มขึ้นแล้ว แต่พายุแห่ง Photoshoots ก็ยังไม่จบสิ้น และนั่นก็ทำให้วันยุ่งๆยังคงดำเนินต่อไป แล้วเราก็ถูกเข้าใจผิดมากขึ้นเรื่อยๆ



-- มีใครทักบ้างมั้ยว่า “พวกนายจะขายออกมั้ยเนี่ย?!

โทระ : ใช่ ใช่ ใช่ (หัวเราะ) เข้าใจผิดกันอย่างแรงเลยอะ  มันเหมือนกับว่าพวกเขาเข้าใจคำว่ายุ่งของเราผิดไปหมดเลย (หัวเราะ) และมันก็ยังคงเป็นแบบนี้ไปจนเราออกอัลบั้มที่ 2 [Alpha] นั่นแหละ  และพอพวกเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น  ก็เหมือนจะมีเรื่องอื่นที่ทำให้ทุกคนเข้าใจเราผิดอีก  จากนั้นเมื่อวงของพวกเราเริ่มตั้งหลักได้  หลายสิ่งหลายอย่างที่วิ่งวุ่นทำมาตลอดก็หายไปใน
พริบตา  เราได้เล่นไลฟ์ใน Live House ที่ใหญ่ขึ้น ..ได้รับโอกาสโดยที่มีทักษะด้านดนตรีน้อยมาก  ผมเชื่อว่าแฟนๆน่าจะเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีเลยล่ะ  มันจึงทำให้เราตระหนักได้ถึงจุดยืนของเราว่า “ถึงเวลาที่ต้องซ้อมดนตรีอย่างจริงจังแล้ว”



-- ครั้งล่าสุดที่คุณมาสัมภาษณ์กับนิตยสารของเรา  คุณก็เคยพูดถึงเรื่องประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้เล่นไลฟ์ที่ International Forum Hall A เมื่อวันที่ 3 กันยายน ปี 2007

โทระ : ครับ  ถ้าจำไม่ผิด..ตั๋วขายหมดเกลี้ยงเลยด้วยนะ  มันคงทำให้หลายๆคนเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับพวกเราไปเลย หรืออย่างน้อยก็คงลองคิดทบทวนดูอีกครั้ง  ..เหมือนกับว่าทุกอย่างของพวกเราได้รับการพิจารณาใหม่  ผมคิดว่าหลังจากตอนนั้น  พวกเราจึงดูสมกับเป็นวงดนตรีขึ้นมาจริงๆน่ะ



-- ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ  โชคุงก็เคยพูดทำนองนั้นเหมือนกัน เขาบอกว่า เวลาที่มองย้อนกลับไปสมัยก่อน  มันทำให้คิดว่า พวกเขาเหมือน “วงดนตรีที่เล่นสนุกกันแค่ที่บ้าน”  ยังไงก็ตาม  พวกคุณเป็นวงที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านทักษะ
มาตลอด  ฉันจึงคิดว่า พวกคุณเริ่มต้นได้ดีมาก  เพราะการจะวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วนั้น...ความมั่นคงเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด

โทระ : แต่ผมกลับมองว่ามันเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้เลยนะ  ถ้าเราเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ โดยที่มีทักษะไม่เพียงพอ  อย่างไลฟ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้  ผมว่าเราก็ยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่  อันที่จริงมันค่อนข้างแย่เลยแหละ  เพราะในไลฟ์ครั้งนั้น  เราเอาแนวเพลงที่แต่งขึ้นเล่นๆ ช่วงที่ว่างจากตารางงานที่ยุ่งสุดๆไปเล่นด้วยน่ะ  เป็นแนวเพลงที่ผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นและตะวันตก  ในตอนนั้นเราคิดว่า มันน่าจะดีถ้าทำเพลงแนวนี้ออกมาบ้าง  เพราะงั้นคอสตูมก่อนหน้านี้ของพวกเราจึงมีสไตล์แบบนั้นด้วย แต่ว่ามันดันดูไม่ค่อยเข้ากับเพลงของพวกเราเลยสักนิด  มันเลยไม่มีความหมายที่จะดึงดันทำเพลงสไตล์นั้นต่อไป  ความคิดที่ว่า “ไม่ใช่.. มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ” มันแว่บเข้ามา  แล้วเราก็เลิกทำเพลงสไตล์นั้นไปเลย



-- แล้วเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2009  ที่พวกคุณเปลี่ยนชื่อวงจาก [ アリス九號.] เป็น [ Alice Nine ]  ทำแบบนั้นมีความหมาย
อะไรรึเปล่า?

โทระ : ตอนนั้นเรามองว่าเรายังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างสักเท่าไหร่ ก็เลยลองเปลี่ยนชื่อวงเป็นภาษาอังกฤษดูน่ะ  ตัวคันจิมันสร้างความประทับใจได้มากก็จริง แต่ความรู้สึกอยากให้วงเป็นที่รู้จักมากขึ้นมันมีมากกว่าน่ะ



-- เข้าใจแล้ว แต่โทระคุงเคยบอกว่า “พวกเราไม่สนใจขึ้นไลฟ์ในที่ใหญ่ๆหรอก”

โทระ : ทุกวันนี้เราก็ยังคิดแบบนั้นนะครับ  พวกเรารักการขึ้นไลฟ์ ขนาดของสถานที่จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ  สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้ขึ้นไลฟ์ในสถานที่ที่เรารู้สึกได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน  เพราะงั้นเราจึงไม่เคยจุกจิกกับขนาดของสถานที่หรอกครับ 



-- แล้วคุณก็เคยบอกว่า “พวกเราไม่เคยตั้งความหวังถึงไลฟ์ใน Budokan หรือสถานที่อื่นที่คล้ายๆกันเลย”

โทระ : ความคิดของเราคงเปลี่ยนไปแล้วน่ะครับ  เมื่อเร็วๆนี้  ผมคิดว่าอยากจะขึ้นไปยืนอยู่ที่ Budokan อีกสักครั้งก็ยังดี  คงเพราะเราเริ่มรู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เราอยากจะแสดงให้เห็นที่ Budokan  จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงคิดแบบนั้น  

แต่หลังจากนั้นมันก็ยิ่งทำให้เราอยากแสดงไลฟ์ที่คู่ควรกับสถานที่แบบ Budokan  แต่ความจริงมันโหดร้ายมากครับ  เพราะเราก็ยังรู้สึกไม่คู่ควรอยู่ดี หรือพูดให้ถูกก็คือเรายังไม่มีค่ามากพอกับที่นั่น แต่ตอนนี้แฟนๆทุกคนได้มอบความมั่นใจให้แก่พวกเราแล้ว  ผมอยากจะกลับไปยืนอยู่ที่นั่นอีกสักครั้ง  ผมคิดว่าเราก้าวมาอยู่ในจุดที่สามารถแสดงไลฟ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกว่า 
“เราจะสร้างสรรค์สถานที่ที่เป็นของเราเอง” 

ถึงแม้เราจะเล่นเพลงเดิมๆ แต่เมื่อเราเล่นเพลงนั้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน  ความรู้สึกที่ทุกคนมีต่อเพลงก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด  พวกเราเคยคิดแค่ว่า “มาเล่นดนตรีกันเถอะ” ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นไลฟ์ที่ Budokan ก็ไม่เป็นไร  พวกเราไม่ได้ใจจดใจจ่อว่าจะแสดงอะไรบ้าง  หากได้ขึ้นไลฟ์ในสถานที่ใหญ่ๆแบบนั้น แต่ตอนนี้เมื่อเรามีสิ่งที่อยากจะแสดงให้แฟนๆได้รับรู้  
เราจึงเริ่มคิดถึงการแสดงในสถานที่ใหญ่ๆอย่างจริงจังมากขึ้น  เพราะมีหลายอย่างที่เราอยากจะแสดงที่นั่น  
นี่คือเหตุผลทั้งหมดครับ



Translated Japanese to English --- Akinojou @tumblr ---
Scans --- Fantasy Alice Nine @blogspot ---