วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

Alice Nine - BARKS' Interview 26 / 03 / 2013

InterviewAlice Nineถ้าพวกเขาไม่มีความสามารถในด้านนี้มากพอ  ก็คงไม่มีพลังที่จะเขียนเพลงที่มีเนื้อหาเต็มเปี่ยมด้วยความกล้าหาญขนาดนี้ได้

ในปี 2013 นี้  เป็นการฉลองครบรอบ 9 ปีเมเจอร์เดบิวต์ของ Alice Nine  ซึ่งเปิดฉากการครบรอบของวงด้วยการปล่อย 3 ซิงเกิ้ลในเวลาไล่เลี่ยกัน  เริ่มต้นด้วยDaybreakที่ใส่ความหนักแน่นตามแบบฉบับ Rock Band.. ทั้งบทเพลงที่แต่งด้วยความรู้สึกจากหัวใจได้หล่อหลอมจนเป็น Alice Nine อย่างเช่นทุกวันนี้  แล้วเติมเต็มด้วยความมั่นคงแน่วแน่ในเสียงดนตรีที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี 

ซึ่งเมื่อDaybreakเสร็จสมบูรณ์ก็จะกลายเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซชิ้นใหม่ของ Alice Nine เลยทีเดียว  แทบจะได้ยินถึงความรู้สึกในตอนนี้ได้เลยล่ะ (ประมาณว่า แทบจะได้ยินความรู้สึกของตัวเองที่รอฟังซิงเกิ้ลใหม่ของอลิสฯได้เลยล่ะ)

นอกจากนี้.. ตั้งแต่เดือนมีนาคม  Alice Nine จึงเข้าร่วมไขคีย์เวิร์ด 9 คำ กับ BARKS โดยรอบแรกของเดือนประกอบด้วย 3 หัวข้อ..Character」「Formation」「Band’s Nameเพราะเคยได้ยินเรื่องราวที่ไม่เคยบอกให้ใครรู้เกี่ยวกับโฉมหน้าที่แท้จริงของเมมเบอร์แต่ละคนในช่วงที่เริ่มฟอร์มวง

◆「 ผมแค่คิดว่า อยากจะมุ่งไปสู่การเป็นวงในฝันของคนอื่นๆ  เหมือนตอนที่เราอยากจะเป็นวงเจ๋งๆ ให้ได้เหมือนกับวงที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเราครับ(ซางะ)

- - หลังจากย้ายค่ายเพลงใหม่  Alice Nine ก็ใกล้จะฉลองครบรอบ 9 ปีแล้วด้วยสินะ  การก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 อันน่าจดจำนี้ คิดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเมมเบอร์ทั้ง 5 คน  มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนบ้างหรือเปล่า

โช : การเปลี่ยนแปลงที่ว่า.. อย่างเช่นทะเลาะกันรึเปล่าครับ  พวกเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันหรอกนะ

โทระ : ไม่มีเหตุผลที่จะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอกน่า

โช : อย่างเมื่อกี้ก็เพิ่งตกลงกันว่า จะไปดื่ม แล้วก็หาเรื่องคุยเล่นกันด้วยแหละ ฮ่าๆๆ

โทระ : แต่ว่า ฉันยังเป็นนักเรียนอยู่เลยนะ

โช : เป็นเรื่องที่คุยกันในห้องแต่งตัวบ่อยๆ เลยล่ะ  เพราะถึงยังไงก็ยังเป็นเด็กมัธยมกันอยู่เลยอะ

- - ความสัมพันธ์ระหว่างเมมเบอร์ไม่เปลี่ยนไป แต่คิดว่าหลายปีมานี้แนวเพลงของวงเปลี่ยนไปเยอะมากเลยนะ  โดยเฉพาะอัลบั้ม
GEMINIกับ“9”รู้สึกว่า Alice Nine สร้างผลงานที่ฟังแล้วหนักแน่นมั่นคงสมเป็นร็อคแบนด์มากขึ้น  ถ้าไม่นับผลงานชิ้นล่าสุดอย่างDaybreakเพลงนี้มีซาวด์ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและสวยงามมากๆ   รู้สึกเหมือนกับว่า การจะก้าวไปยังจุดหมายไม่ใช่เรื่องยากลำบากเลยสักนิด

Shou : ตั้งแต่อัลบั้ม
VANDALIZEต้องขอบคุณจริงๆ ที่ซางะคุงเป็นเมนคอมโพสเซอร์ และมีเมมเบอร์ทุกคนคอยเอาใจใส่ถึงการเติบโตของทุกบทเพลงมาเป็นอันดับแรก  บางทีตั้งแต่แรกที่ฟอร์มวงขึ้นมา  พวกเราทั้ง 5 คนก็มุ่งไปอย่างภาคภูมิใจในความหมายที่แท้จริงของคำว่า ร็อคแบนด์   

..ในอัลบั้มGEMINIกับ“9”ความรู้สึกของเราเข้มแข็งขึ้นมาก  และรู้สึกเหมือนได้เป็นหนึ่งเดียวกับทุกคนจนเริ่มคุ้นชินกับระดับที่สูงขึ้น  แต่ถ้าหากไม่มีบทเพลงที่แสดงออกถึงความรู้สึกแบบ Daybreakล่ะก็.. ผมคิดว่า เราคงไม่หลงเหลือความเชื่อมั่นแบบที่มีอยู่ตอนนี้หรอกครับ

ซางะ : อย่างพวกเราที่มีแนวดนตรีแบบวิช่วลเคย์เนี่ย  ทิศทางที่เรามุ่งไปก็ทำให้เข้มขึ้นจากเมื่อก่อนเยอะเลยครับ  และสิ่งที่สำคัญสำหรับวงในแง่ของดนตรี คือ ถ้าไม่มีพื้นฐานก็เหมือนไม่มีสิ่งที่คอยผลักดัน  ดังนั้นเราจะเริ่มต้นด้วยการปรึกษาภายในวงเป็นอย่างแรกจนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย  และถึงตอนนี้เราจะทำเพลงออกมาเยอะแยะ  แต่เพลงเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์ตายตัวสำหรับวงของเรา 

อิมเมจของ Alice Nine ในแต่ละซิงเกิ้ลจึงแตกต่างกันออกไป  แต่ถ้าคุณได้ติดตามทุกซิงเกิ้ลก็จะรู้ว่า เราปรับเปลี่ยนมันบนพื้นฐานของความเหมาะสม  ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบทเพลงแบบไหน  ในตอนนี้ก็จะส่งผ่านไปด้วยซาวด์แบบที่มันควรจะเป็น และทุกความหมายก็ล้วนมีความรู้สึกแฝงอยู่ด้วย 

เพราะงั้นสำหรับพื้นฐานของวง  ผมจึงอยากทำเพลงที่เหมือนมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง  ตั้งแต่อัลบั้ม VANDALIZEก็คิดแบบนั้นมาตลอด  เลยค่อยๆ พยายามฝึกฝน

- -
ซางะคุงกำลังจะบอกว่า ในแต่ละเพลงล้วนมีลางสังหรณ์ที่ถูกต้องชัดเจนแฝงอยู่ใช่รึเปล่า

ซางะ : ผมแค่คิดว่า อยากจะมุ่งไปสู่การเป็นวงในฝันของคนอื่นๆ  เหมือนตอนที่เราอยากจะเป็นวงเจ๋งๆ ให้ได้เหมือนกับวงที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเราครับ

โช : ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นายอยากเป็นวงในฝันของคนอื่นกันน่ะ

Alice Nine : อาจจะตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้นะ ฮาาาา 



◆「 มันเหมือนกับว่า ตอนนี้เรากำลังกินอาหารที่ปรุงด้วยเพสโต้ซอส (ซอสโหระพา) ในร้านอาหารสไตล์อิตาลีที่ค่อนข้างทันสมัย  แล้วตามด้วยทงคัตสึราเมนรสจัดจ้านเลยล่ะ ฮ่ะๆๆ (โช)

ซางะ : Daybreak ถูกสร้างขึ้นเหนือพื้นฐานของวงครับ  เราคิดว่า ถ้าทำเพลงโดยไม่ยึดพื้นฐานนั้นเลยล่ะก็..  จะต้องได้ซาวน์ที่แตกต่างไปจากเดิมแน่ๆ  

Daybreak อาจเป็นแค่เพลงสไตล์ป็อบที่ฟังติดหู แต่ตอนนี้เราเป็นร็อคแบนด์นะ  ดังนั้นเวลาที่เล่นเพลงนี้มันต้องออกมาเจ๋งสุดๆ  และเพราะว่าเราเป็นร็อคแบนด์  เพราะว่าเราได้ทำอัลบั้ม“9”ออกมาเสร็จสมบูรณ์  ผมเลยคิดอีกว่า น่าจะลองสร้างสีสันใหม่ๆ ให้กับบทเพลงของเราครับ

- - สร้างสีสันใหม่ๆ ขึ้นมา.. งั้นแสดงว่า Daybreak ก็เป็นเหมือนก้าวแรกเลยสินะ

ซางะ : ถูกต้อง!! ตามความหมายของชื่อเพลงเลย รุ่งอรุณ ไงล่ะ

โช : ก่อนหน้านี้ต้องเลือกเพลงมาลงในซิงเกิ้ลจาก 10 เพลงเลยนะ แต่สุดท้ายก็ได้ทั้งโปรดิวเซอร์และสต๊าฟมาช่วยกันตัดสินใจ 

โดยส่วนตัวผมคิดว่า เมโลดี้ของท่อนฮุคในเพลงนี้  เป็นจุดหลักที่สร้างอารมณ์ในแง่บวกมากๆเลยนะ  แล้วอีกอย่าง.. ตอนแรกเพลงมันออกแนวพังค์กว่านี้หน่อย  ใช่ป่ะ?

โทระ : ใช่เลยๆ

โช : แต่พอเอามาเรียบเรียงก็เปลี่ยนไป 180° เลยล่ะครับ

-- ซาวด์ของเพลงที่ค่อนข้างซับซ้อนเนี่ย  เพราะถูกเรียบเรียงออกมาให้มีสไตล์แบบ UK สินะ

ฮิโรโตะ : ครั้งนี้ได้ฮิราอิเดะซัง (ฮิราอิเดะ ซาโตรุ) มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ด้วยนะครับ  ไม่น่าเชื่อว่าเราสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสนิทใจขนาดนี้  เพราะงั้นผลที่ได้จากการร่วมกันเรียบเรียงเพลงนี้  ผมว่ามันเป็นอะไรที่สร้างสรรค์สุดยอดเลย.. จริงมั้ย?

โช : โปรดิวเซอร์จะคอยตามงานจากเราตลอดเลยครับ  ต้องขอบคุณฮิราอิเดะซังจริงๆ ที่ใส่ใจแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเพลง

ซางะ : ดังนั้น  จนกว่าจะได้รูปแบบสุดท้ายของอิมเมจซาวด์  เราจึงเริ่มทำงานโดยคำนึงถึงช่องว่างของเสียงที่อาจขึ้นระหว่างทำเพลงตลอดเลยครับ

นาโอะ : ฮิราอิเดะซังเคยเป็นมือกลองมาก่อนแหละ  ตอนทำงานด้วยเลยรู้สึกยุ่งยากนิดหน่อย  เพราะเหมือนโดนเขาจับตาดูจนกระทั่งเพลงเสร็จสมบูรณ์  ..ที่อัดเสียงไป  ก็เขานี่แหละเป็นคนจูนกลองให้ล่ะ

-- แต่ในที่สุดก็ได้ซาวด์ที่มีรายละเอียดอออกมาเจ๋งอย่างที่คาดไว้  เสียงร้องของโชซังก็เร่าร้อนผิดจากเดิมเลยนะ  ส่วนเนื้อเพลงก็รู้สึกได้ถึงความเข้มแข็ง

โช : ในจุดนี้  มันก็มีความกดดันตอนที่แต่งเพลงอยู่นะครับ  โดยเฉพาะเพลงที่มีเนื้อหาดีๆ สำหรับซิงเกิ้ล  ดังนั้นผมจะอ่านหนังสือ และดูหนังเยอะมากๆ  รวมไปถึงจดข้อคิดที่ได้จากสิ่งเหล่านั้น 

เมื่อได้ฟังเพลงนี้  ผมจึงคิดว่า ผมไม่มีทางเลือกใด  นอกจากเผชิญหน้ากับตัวตนของผม  ดังนั้นผมจึงไม่ควรเลือกใช้แค่คำพูดที่แว่บเข้ามาในหัวอย่างเดียว  ถ้าผมทำแบบนั้นไม่ได้ก็เหมือนผมไร้ความสามารถ 

มันเหมือนว่าเพลงนี้มีพลังแฝงบางอย่างที่ช่วยให้ผมสามารถเขียนเนื้อเพลงที่มีเสน่ห์มากขนาดนี้ได้  และสุดท้ายมันก็กลายเป็นเพลงที่ไม่ใช่แค่แสดงถึงตัวตนของเมมเบอร์ของ Alice Nine เท่านั้น  แต่ยังบอกเล่าถึงสิ่งที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้ด้วย   

-- แม้แต่ตัว PV เองก็อยู่ในระดับที่เกินกว่าทุกแนวที่เคยทำสินะ  พวกคุณคิดยังไงเกี่ยวกับ PV ที่ดูทรงพลังอย่างมากนี้กันบ้างล่ะ

โช : เราถ่ายทำกันในทะเลทรายครับ  เป็นที่ที่เหมือนกับชิซุโอกะเลยล่ะ  เราไปที่นั่นก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นซะอีก

โทระ : เป็น PV ที่ไม่ต้องสร้างฉากประกอบเพิ่มเติมเลยล่ะ

โช : แล้วยังถ่ายทำตอนหนาวสุดๆ ด้วยอะ  อุณหภูมิติดลบ 5 องศา  แถมลมยังพัดแรงมาก แต่เรากลับใส่ได้แค่ชุดเหมือนตอนฤดูใบไม้ผลิ

ฮิโรโตะ : ถ้าดูจาก PV ไม่มีทางรู้หรอกว่ามันหนาวขนาดไหน

โช : รู้ดิๆ  ผมว่าถ้าลองมองซางะคุงให้ดีๆ ตอนที่พวกเราเดินรวมๆ กันอะ  คุณจะเข้าใจเลยล่ะ  แบบ “อ้อ... เข้าใจล่ะ” ฮ่าๆๆ

ซางะ : เหมือนในใจผมมันคิดว่า “...พอเหอะ  ...ทำไม่ได้หรอก” พลังลดฮวบเหลือศูนย์อะ

โช : เขาเอาแต่พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า “ทำไมต้องใช้หัวข้อเพลงเกี่ยวกับรุ่งอรุณด้วยนะ  ทำไมๆๆ” ฮาาาาา

-- เอาล่ะ  ทีนี้ช่วยพูดเกี่ยวกับเพลงที่สองในซิงเกิ้ลอย่าง Himitsu ด้วยสิ  เพลงนี้เป็นฮิปฮอปแบบอลิสสไตล์   เป็นเพลงแรกที่ฟังแล้วเหมือนจะสมัยนิยมมากขึ้นเลยนะ

ซางะ : ถึงแม้ว่าเราจะเป็นที่รู้จักในฐานะร็อคแบนด์จนกระทั่งตอนนี้ แต่พวกเราก็ห่างไกลจากคำว่า ร็อค มาเยอะเหมือนกันนะ  คงเป็นเพราะเราไม่ค่อยได้ใส่ใจฟังเพลงว่ามันทันสมัยมั้ย หรือซาวด์กีต้าร์เพี้ยนไปหรือเปล่า ฮ่าๆๆ  เพลงนี้จึงทำออกมาด้วยอารมณ์ที่อยากให้ฟังแล้วดูเป็นวงที่ทันสมัยขึ้น  และแต่งขึ้นเพื่อสร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่ในไลฟ์น่ะครับ

-- เลยปรับให้มีสไตล์ของฮิปฮอปสินะ  ฉันคิดว่า มันน่าสนใจมากทีเดียวล่ะ

ซางะ : ถึงแม้สไตล์นี้จะไม่มีพื้นฐานแบบเดิมหลงเหลืออยู่เลยก็เหอะนะ

นาโอะ : ถ้างั้นฉันคงต้องใช้เวลา 3 ปีในการปรับตัวให้เข้ากับสไตล์นี้เลยอะ ฮาาาาา

-- แล้วเดือนหน้าจะปล่อยผลงานแบบไหนออกมาอีกล่ะ

โช : มันเหมือนกับว่า ตอนนี้เรากำลังกินอาหารที่ปรุงด้วยเพสโต้ซอส (ซอสโหระพา) ในร้านอาหารสไตล์อิตาลีที่ค่อนข้างทันสมัย  แล้วตามด้วยทงคัตสึราเมนรสจัดจ้านเลยล่ะ! ฮ่ะๆๆ

ฮิโรโตะ : แล้วต้องที่ร้านคาเคอิราเมนด้วยนะ

นาโอะ : ฉันว่าร้านนั้นเส้นมันเหนียวไปนะ ฮ่าๆๆ

-- ต่อไปนี้.. ฉันคิดว่า อยากรู้จัก Alice Nine ให้มากขึ้นแล้วล่ะ  เรามาเริ่มส่วนแรกจาก 9 คีย์เวิร์ดของโปรเจ็คพิเศษต่อเนื่อง 3 เดือน  ฉลองครบรอบ 9 ปี Alice Nine กันเถอะ



 No. 1 Character            

-- คุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้า  แล้วพบว่า ตัวเองกลายเป็นโชซัง  คุณจะทำยังไง

โทระ : ถ้ามีหน้าตาแบบนี้นะ... ผมจะไปนัดบอดโลด

ซางะ : ไม่ต้องลังเลอะไรแล้วล่ะ  ผมจะหาสาวมาควง

นาโอะ : อย่างแรกเลย.. ผมจะออกไปข้างนอก แล้วร้องเพลงออกมาดังสุดเสียงท่ามกลางอากาศที่สดชื่น

ฮิโรโตะ : ผมอยากจะร้องเพลงให้ใครสักคนได้ฟังครับ

-- แล้วถ้ากลายเป็นฮิโรโตะซังล่ะ

โช : ผมคิดว่า จะเล่นกีต้าร์ให้ใครสักคนฟังครับ!

โทระ : ก่อนอื่นก็ต้อง.. ไปนัดบอด ฮ่าๆๆๆ

ซางะ : ผมจะตามหาผู้หญิงคนหนึ่งที่เห็นในไลฟ์  เธอยืนอยู่หน้าฮิโรโตะเลยครับ  แล้วก็ดูคลั่งเขามากอะ

นาโอะ : ผมจะแอบขโมยสุนัขตัวน้อยสุดรักสุดหวงของเขาครับ  โมกุไงล่ะ

-- งั้นถ้ากลายเป็นโทระซังล่ะ

โช : ถ้ากลายเป็นโทระเหรอ... ไปนัดบอดล่ะมั้ง ฮ่ะๆ

ซางะ : ผมจะไปนัดบอดชัวร์

นาโอะ : ผมจะรีบกลับไปนอน  ผมต้องฝันไปแน่ๆ ฮาาาา แล้วจากนั้นก็จะแอบมองในกางเกงล่ะ

Alice Nine : กร๊ากกกกกกกก ก  ก ก ก

ฮิโรโตะ : เขาเป็นคนพูดเก่งครับ  ผมเลยคิดว่า จะลองพูดให้ได้แบบเขาบ้าง

-- แล้วถ้ากลายเป็นซางะซังล่ะ

โช : ปกติเขาจะแต่งตัวธรรมดาๆ ครับ แต่ซางะคุงหุ่นผอมเพรียวมาก  เพราะงั้นผมเลยอยากลองจับเขาแต่งตัวเป็นผู้หญิง

โทระ : ถ้าผมเป็นซางะคุงเหรอ  คิดได้เยอะอยู่นะ  แต่แน่นอนว่า.. ต้องไปนัดบอด ฮ่าๆๆๆๆ

นาโอะ : อย่างแรกก็ต้องเช็คยอดเงินในบัญชีธนาคาร ฮาาาาา

ฮิโรโตะ : จะลองปิดตาข้างนึงแล้วมองไปข้างหน้า  เพราะผมคิดว่า จมูกของซางะคุงโด่งมากอะ  โลกที่เขาเห็นจะต้องต่างจากที่ผมเห็นแน่นอนเลย ฮ่ะๆๆ

-- ต่อไปก็.. ถ้าคุณกลายเป็นนาโอะซัง

โช : ผมก็จะได้กินอาหารที่ผมไม่สามารถกินได้  อย่าง.. ปู หรือเนื้อแกะ  ผมจะไปลองกิน แล้วเดี๋ยวมาบอกนะว่ารสชาติมันเป็นยังไง

โทระ : นัดบอด? ผมไม่คิดว่า อย่างนาโอะซังจะเหมาะกับนัดบอดหรอก ฮ่ะๆ เพราะเขาดูเป็นคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างลึกซึ้ง  ดังนั้นผมอยากลองใช้ชีวิตแบบนาโอะซังดูครับ

ซางะ : ร่างกายของนาโอะซังค่อนข้างอ่อนไหวง่ายอะ! แล้วอีกอย่างมันไม่ใช่ร่างกายของผมด้วย  เพราะงั้นอยากทำบางอย่างที่ช่วยให้ร่างกายเขาแข็งแรงขึ้นครับ! ฮ่าๆๆ

ฮิโรโตะ : นั่นสินะ.. ผมคิดหนักนะ  เพราะร่างกายนาโอะซังอ่อนไหวง่ายนี่แหละ ฮาาา ในแต่ละวัน  ถ้าจะไปทำอะไรเสี่ยงๆ ด้วยร่างกายของเขา... มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบเลยนะ!!



 No. 2 Formation        

-- ตอนนี้.. เราจะมาพูดถึงเรื่องที่ไม่มีใครเคยรู้เกี่ยวกับการฟอร์มวงของ Alice Nine กันล่ะนะ

โทระ : เคยมีมือกีต้าร์อีกคนก่อนหน้าฮิโรโตะล่ะ

โช : วงนี้ฟอร์มขึ้นโดยมีพวกเขา (นาโอะกับซางะ) และพวกผม (โชกับโทระ) เรามารวมกันแล้วฟอร์มวงขึ้นมา

ซางะ : ตอนแรกมีพวกเรามีกัน 3 คนครับ (หมายถึง ซางะ  นาโอะ และมือกีต้าร์อีกคน) จากนั้นเราก็ไปรวมวงกับพวกเขา (โชกับโทระ)

โช : แล้วพวกเรา 5 คนก็ไปสตูดิโอ  แต่...

ซางะ : พวกเรารู้สึกอึดอัดนิดหน่อยกับมือกีต้าร์คนนั้นครับ และเขาก็คงรู้สึกได้ และอ่านบรรยากาศระหว่างพวกเราออก

โทระ : เขาเลยพูดว่า “ทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้ล่ะ”

นาโอะ : หลังจากนั้นเขาก็ออกไปจากวงครับ



 No. 3 Band’s Name        

-- ต่อไปเราก็จะพูดถึงชื่อวง Alice Nine และจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของพวกคุณ

โช : เมมเบอร์ทุกคน  ยกเว้นนาโอะซัง  ไปนั่งพูดคุยเกี่ยวกับชื่อวงกันที่ร้านแห่งหนึ่งแถวชินจูกุครับ แต่ก็ไม่มีใครคิดชื่อดีๆ ออกมาได้เลย  แล้วอยู่ซางะคุงก็พูดออกมาประมาณว่า “ชื่อแอนนิต้าซังดีม่ะ??” ฮ่าๆๆ

ซางะ : หลังจากนั้นก็มีชื่อ KORN  ถึงแม้ว่า วงนี้จะมีอยู่แล้วก็เถอะ

โทระ : เราเคยใช้ตัว R กลับด้านจากชื่อวง KORN ด้วยนะ  ผมว่ามันเจ๋งดีอะ

ซางะ : ถ้าจะบ้าไปแล้ว  เห้ออ (ยิ้มเหยเก)

โช : ยังอีกยาวเลยนะครับว่า ชื่อ Alice Nine มาได้ยังไง  ย้อนกลับไปตอนนั้นก็คือ ผมได้อ่านนิยายของ นากาโนะ  มายูมิซัง  ที่ชื่อว่า “Shounen Alice (หนุ่มน้อยอลิส)”  แล้วตอนนั้นผมก็ชอบแบรนด์ของ NUMBER(N)INE  เมมเบอร์ทุกคนคิดว่า เลข 9 เนี่ยมันเจ๋งดี  ดูมีความเป็นร็อค 

พวกเราเลยเอาคำว่า Alice กับ  9 มารวมกัน  เราตัดสินใจใช้ชื่อนี้ด้วยความรู้สึกที่ว่า “จะเป็นยังไงกันนะ  เมื่อเริ่มใช้ชื่อนี้”  และสำหรับนาโอะซังที่ไม่ได้ไปนั่งคิดด้วยกันในตอนนั้น  พวกเราก็บอกให้เขาได้รู้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตครับ  จนถึงตอนนี้ผมคิดว่า เป็นครั้งแรกที่เราพูดถึงที่มาของชื่อวงกันนะ