วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Oricon - PSP 1800 : Vol.02 Shou(Alice Nine)× Takeru(SuG)

พวกเขาที่ช่างต่างกันสุดขั้ว......


-- โปรเจ็ค Free Talk 30 นาทีกลับมาอีกครั้ง  คู่แรกที่เพิ่งผ่านพ้นไป.. รุกิ (the GazettE) กับ โช (Alice Nine) เป็นครั้งแรกที่โชคุงได้พูดคุยกับรุ่นพี่ของเขาแบบนี้ และเขาก็ค่อนข้างตื่นเต้นด้วยล่ะเนอะ

โช :
ใช่แล้วครับ (หัวเราะ) แต่ก็สมควรตื่นเต้นนะ  ก็เขาเป็นรุ่นพี่นี่นา

ทาเครุ : นั่นน่ะสิ  เวลาที่ผมมองรุกิซัง  เขาเป็นอีกคนนึงที่ผมอยากจะคุยด้วยนะ ..เขาน่ากลัวมั้ยครับ?

โช : ไม่หรอก  เขาเป็นคนเปิดเผยแล้วก็ใจดี  อาจจะฟังแปลกๆ ที่ฉันซึ่งเป็นรุ่นน้องพูดถึงเขาแบบนี้.. เขาเป็นคนที่มีบุคลิกน่ารักมากเลยนะ  แต่เขาเติบโตมาในโครงสร้างสังคมแบบแนวดิ่ง  นายต้องเคารพในตัวเขาให้มากๆล่ะ

ทาเครุ : ครับ เข้าใจแล้วล่ะ



-- ถึงแม้จะอยู่บริษัทเดียวกัน แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอกันใช่มั้ย

โช : ไม่เลยครับ  ถึงแม้จะมีอีเว้นท์ที่ได้ทำร่วมกันบ้าง แต่ก็ไม่มีเวลามากพอจะพูดคุยกัน



-- เพราะอย่างนั้นโชคุงเลยเลือกทาเครุมาในครั้งนี้สินะ

ทาเครุ : ขอบคุณครับ! ผมดีใจมากเลยล่ะ!

โช : เช่นกันๆ  เขาดูเป็นคนน่าสนใจ  แล้วผมก็หาเวลาเหมาะๆที่จะได้คุยกับเขาอยู่แล้ว  ที่จริงก็เคยให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารร่วมกันกับเขาแล้วก็ชิน (ViViD) ด้วยนะ  แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้อะไรเกี่ยวกับทาเครุเยอะแยะหรอก  เลยอยากรู้จักเขาให้มากขึ้นน่ะ 

ทาเครุ : แต่โชซังเป็นรุ่นพี่คนเดียวในบริษัทที่ชวนผมออกไปกินข้าวนะ!

โช : อ๊ะ จริงสินะ  คิดว่าไม่เสียหายอะไรนี่นา  ก็เลยลองชวน  แล้วเขาก็ตอบตกลง (หัวเราะ) แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่ผมไม่รู้เกี่ยวกับเขาอยู่ดีแหละ  เพราะงั้นขอใช้โอกาสนี้คุยกับเขาให้เต็มที่

ทาเครุ : แน่นอนครับ! ด้วยความเต็มใจเลยล่ะ! 

โช : ฉันชอบเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์  ถ้าจะลองเปรียบเทียบทาเครุกับบุคคลในประวัติศาสตร์สักคน.. ก็ต้องประมาณโอดะ โนบุนางะ  แล้วถ้าพูดถึงโคกับริวโฮะ.. โคเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถยอดเยี่ยม  แม้ริวโฮจะไม่ได้มีความสามารถมากมาย แต่ก็เป็นผู้นำที่คำนึงถึงความสุขของผู้ใต้บังคับบัญชา 
ฉันคิดว่า ฉันเหมือนอย่างหลังนะ  ส่วนทาเครุจะมีบุคลิกที่ตรงกันข้ามกับฉันเลยล่ะ  จริงมั้ย?  ฉันเป็นคนที่ชอบสังเกตท่าทีของคนอื่นก่อนเสมอ  แต่ทาเครุเป็นคนมีเสน่ห์  เลยน่าจะเป็นคนแบบที่ชอบเริ่มทำอะไรก่อนคนอื่นน่ะ

[ ช่วงสาระมีอยู่จริง!! ข้ามไปได้นะ ไม่สำคัญอะไรหรอก ฮ่าๆๆ
โค (หรือ “เซี่ยงอวี่” ในภาษาจีน) เขาคือแม่ทัพของกบฎชาวนาที่ต่อต้านราชวงศ์ฉิน เป็นคู่ปรับกับ ริวโฮ (หรือ “หลิวปัง” ในภาษาจีน) ภายหลังได้กลายเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ฮั่น  จากการโค่นล้มราชวงศ์ฉินลงได้ ค่ะ
ส่วนโอดะ โนบุนางะ เป็น ไดเมียว และหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคเซ็งโงคุ  เป็นหนึ่งในสามผู้รวบรวมญี่ปุ่นจากความแตกแยกในยุยุคเซ็งโงคุ ..อาจมีคนเคยได้ยินนะจากการ์ตูน หนัง หรือเกมส์ แฮะๆ คร่าวๆแค่นี้ล่ะค๊าฟฟฟ]

ทาเครุ : ไม่รู้สินะ  ถ้าเป็นเรื่องของตัวเอง  ผมก็พูดไม่ค่อยถูกแฮะ ..ผมเป็นคนที่เชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเอง แต่ก็ไม่ค่อยชอบแสดงความรู้สึกออกมา  เพราะงั้นเลยตัดสินใจเริ่มทำมันซะเลยดีกว่า

โช : เรื่องแสดงความรู้สึกนี่ฉันถนัดนะ  ตอนยังเด็กฉันชอบสังเกตสีหน้าของคนอื่นไปบ่อยๆ แต่ก็ยังไม่สามารถอธิบายมันได้  ตอนนี้ก็เลยคิดว่า “ต้องทำยังไงถึงจะส่งผ่านความรู้สึกออกไปได้กันนะ?”  แถมยังชอบอ่านหนังสือเยอะแยะ  ทำให้ฉันสามารถที่จะถ่ายทอดความรู้สึกสื่อไปถึงคนอื่นได้ง่ายขึ้นน่ะ

ทาเครุ : ครับ.. ผมแสดงออกไม่ค่อยเก่ง หรือพูดให้ถูกก็ไม่ค่อยอยากแสดงออกมาล่ะมั้ง แต่ถ้าลองฟังเพลงที่ผมแต่ง  ก็จะเข้าใจว่า สิ่งที่เรารับรู้กับสิ่งที่เราแสดงออกมามันค่อนข้างต่างกัน  เนื้อเพลงของโชซัง จะเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นนามธรรมค่อนข้างเยอะ  อย่าง.. อวกาศ? 

แต่เนื้อเพลงของผมจะเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากกว่า  ก็เหมือนที่โชซังพูดว่า พวกเราตรงกันข้ามกันสุดๆนั่นแหละ แต่เขาเองก็เป็นคนที่แตกต่างจากแบนด์แมนทุกวงในบริษัทมากที่สุดด้วยนะครับ

แต่ก็นั่นแหละ.. ทุกวงล้วนมีสไตล์ที่ต่างกัน  อย่างเนื้อเพลงของรุกิซังก็จะอิงหลักความเป็นจริงใช่มั้ยครับ? เขามักจะเขียนเพลงที่เปิดเผยตรงไปตรงมา และเคารพต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริง

ผมน่ะ.. ไม่คิดจะแต่งเพลงแบบโชซังหรอกครับ  เพราะผมทำไม่ได้อะ  ดังนั้นผมจึงคิดว่า ความรู้สึกของเรานั้นต่างกัน  เพลงแบบที่เขาแต่งเหมาะกับ Alice Nine ที่สุดแล้ว เป็นเพลงที่ไม่ได้วาดภาพให้เห็นเรื่องราวทั้งหมด  ถ้าให้เปรียบกับหนังก็เหมือนหนังฝรั่งเศสครับ  แม้ไม่เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง  แต่ก็ยังมองเห็นมุมมองที่ยอดเยี่ยมผ่านเศษเสี้ยวที่เหลืออยู่ได้

โช : อืม ก็อย่างที่นายพูดนั่นแหละ  นายดูจะสนใจพวกเรามากเลยนะ (หัวเราะ)

ทาเครุ : แน่นอนอยู่แล้ว! ผมตามฟังเพลงใหม่ๆตลอดเลยล่ะ  ทั้งเพลงใหม่ของรุ่นพี่และรุ่นน้อง  แล้วก็ตามส่อง PV ด้วยน๊า 

โช : ออกแนวกระหายนะเนี่ย.. ทาเครุ

ทาเครุ : ก็ผมกลัวอะ  ถ้าไม่ตามเก็บข้อมูลทุกอย่าง  มันรู้สึกเหมือนจะไม่มีทางไล่ตามได้ทัน  น่ากลัวจริงๆนะ  รู้มั้ย.. ผมเป็นคนขี้กลัวนะครับ

โช : นายเนี่ยนะ?

ทาเครุ : อื้อๆ ขี้กลัวมากกกกก



-- ฉันไม่คิดแบบนั้นเลยนะ  ไม่อยากจะเชื่อเลยล่ะ

ทาเครุ : ครับ  ไม่น่าเชื่อมากๆ (หัวเราะ) แต่ผมก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่แสดงให้เห็นนะ  เลยแกล้งทำเป็นกล้าหาญแล้วก็มั่นใจในตัวเอง (หัวเราะ)

โช : เข้าใจล่ะ  น่าชื่นชมจริงๆนะ

ทาเครุ : ผมจะตั้งเป้าหมายไว้เสมอเลยล่ะครับ ..“ฉันต้องเป็นแบบนี้ให้ได้ใน One man Live” หรือ “ซิงเกิ้ลนี้ต้องทำให้ฉันก้าวหน้าขึ้นไปอีก” แล้วก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อความสำเร็จ แต่ผมก็ยังไปไม่ถึงเป้าหมายที่คิดไว้หรอก  มันทำให้ผมคิดว่า ต้องสามารถทำวงต่อไปได้แน่ๆ  คงเป็นส่วนหนึ่งของความกระหายที่โชซังพูดถึง แล้วก็คงรวมถึงความกลัวด้วยล่ะนะ 
เพราะผมชอบคิดทำนองว่า “ฉันควรจะทำแบบนี้เหรอ” หรือ “ฉันควรทำอะไรเพื่อให้ก้าวไปถึงจุดนั้นได้กันนะ” นั่นเพราะความกลัวทั้งนั้น  ไม่งั้นก็ “ฉันต้องทำแบบนี้เพื่อไปถึงจุดนั้นสินะ” หรือ “ฉันไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้  ถ้ายังไม่สามารถข้ามผ่านจุดนี้ไป.. แล้วฉันต้องทำยังไงกันล่ะ...” บางทีความกลัวก็ทำให้ดูเหมือนว่าเรากระหายมั้ง

โช : เข้าใจแล้วล่ะ  ฉันเองเวลาที่ทำงานกับทุกคนในวง  มักจะมีความรู้สึกประหลาดๆ อย่าง.. “ชีวิตนี้ที่มีอยู่ได้ส่งผลต่อโลกใบนี้แค่ไหนกันนะ?”  ฉันอาจจะไม่มีประสบการณ์แบบที่ทาเครุเจอ แต่ฉันเคารพในทัศนคติของนายนะ  เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันไม่มี

ทาเครุ : มีแต่คนบอกว่าผมน่ะ คิดมากเกินไปแล้ว... แต่นั่นก็เป็นหนึ่งในบุคลิกของผมด้วยล่ะ...








 คำสัญญาที่คาดไม่ถึง......


-- ทาเครุคุง คิดว่าโชคุงเป็นคนแบบไหนเหรอ?

ทาเครุ : จะเป็นอะไรมั้ย?  ถ้าผมจะขอพูดในฐานะของคนที่ฟังเพลงของเขา  ไม่ใช่จากมุมมองของรุ่นน้อง  ขอโทษนะครับ  ถ้าทำให้รู้สึกโกรธ

โช : ไม่เป็นไร.. ตามสบายเลย

ทาเครุ : โชซังบอกว่า เขาเป็นคนประเภท “ไม่ได้มีความสามารถมากมาย แต่ก็เป็นผู้นำที่คำนึงถึงความสุขของผู้ใต้บังคับบัญชา”  สิ่งที่ผมรู้สึกประทับใจในตัวเขาก็คือ เขาคอยปกป้องวงด้วยชีวิตของเขามาตลอด  ผมคิดแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วล่ะ  ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงของ Alice Nine ก็คือ มินิอัลบั้ม “Kasou Musou Shi” ตอนนั้นผมตัดสินใจเดินไปที่ร้านซีดี และซื้อทันทีเลยครับ

โช : โหวว  ขอบคุณมากนะ (หัวเราะ)

ทาเครุ : ฮ่าๆๆ ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ  ผมสิต้องพูดคำนั้น  ผมยังติดหนี้โชซังอยู่นะ (หัวเราะ) ผมสนใจในแนวดนตรีแบบนั้นมากเลยนะครับ  มันเป็นแบบกลางๆ ที่ผสมผสานกันระหว่างสไตล์ญี่ปุ่นกับตะวันตก สีสันของมันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ผมคิดว่ามันน่าสนใจ  ยิ่งฟังก็ยิ่งถูกดึงดูดมากขึ้น 
มันทำให้ผมรู้สึกว่า วงดนตรีน่ะ มันก็เป็นสิ่งที่มีชีวิตนะ และในบรรดาวงดนตรีมากมาย  โชซังจะคอยเฝ้ามองทุกคนในวง  เพื่อช่วยเหลือค้ำจุนกันและกัน  เอ่อ.. ขอโทษนะครับ ถ้าฟังดูน่ารำคาญน่ะ

โช : ไม่เลย  ฉันมีความสุขจริงๆนะ  ฉันรู้สึกยินดีที่ได้ฟังความเห็นที่ซื่อสัตย์มากกว่าคำชมเชยที่ไม่ได้ออกมาจากใจ  ครั้งก่อนฉันก็พูดชม the GazettE ไม่หยุดเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่ฉันสามารถพูดออกมาได้  เพราะฉันคิดแบบนั้นจริงๆ  การชมใครสักคนโดยที่เขาอยู่ตรงหน้าเราน่ะ  มันเขินสุดๆไปเลย  แต่ที่สามารถพูดได้ก็เพราะว่าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่พูดมันตรงกัน 
ฉันเป็นคนนึงที่โกหกไม่เก่ง  ถ้าไม่คิดว่าเขายอดเยี่ยม  ก็คงพูดออกไปไม่ได้  ฉันชอบสิ่งที่ทาเครุพูด  เพราะนายไม่ได้กำลังโกหก  รู้สึกเหลือเชื่อเลยแฮะ  ที่นายตรงไปตรงมาแบบนี้

ทาเครุ : ขอบคุณมากเลยนะครับ  ผมเคยโดนติเรื่องเถรตรงมากเกินไปด้วยล่ะ (หัวเราะ) ผมมักจะพูดสิ่งที่ทำให้คนอื่นรู้สึกกังวลน่ะ... แต่จริงๆแล้ว ผมก็แค่แสดงออกไม่เก่งเท่านั้นเอง

โช : เพราะนายเป็นคนตรงๆ เลยกลายเป็นเป้าให้ถูกติชมบ่อยๆ  ฉันคิดว่า มันเป็นหลักฐานว่าคนอื่นๆ สนใจในตัวนาย  นั่นเป็นสิ่งที่ดีนะ.. ทาเครุ  ส่วนฉันที่เป็นคนเฉื่อยๆ  เวลาโดนติก็ไม่ค่อยสะทกสะท้านอะ (หัวเราะ)

ทาเครุ : ฮ่ะๆๆ นั่นสินะ (หัวเราะ) ขอบคุณนะครับ  ผมรู้สึกดีที่โชซังตอบกลับมาแบบใจดีอย่างนี้  ..คุณบอกว่าชอบอ่านหนังสือ  แล้วเป็นหนังสือแนวไหนเหรอครับ? 

โช : ฉันอ่านงานของอกาธ่า  คริสตี้เยอะมากเลยล่ะ  เหมือนได้หลบหนีไปจากโลกแห่งความเป็นจริง  ฉันชอบการใช้คำที่เต็มไปด้วยจินตนาการ  แล้วก็ยังมีงานของเอโดกาวะ  รันโปะ กับ มิยาซาวะ  เคนจิ ที่อ่านบ่อยๆ ด้วย  ฉันชอบอ่านเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นนามธรรม ..แนวลึกลับกับแฟนตาซีก็ชอบนะ

ทาเครุ : ผมเข้าใจนะ ว่าทำไมถึงชอบอกาธ่า คริสตี้กับเอโดกาวะ รันโปะ  เพราะผมก็ชอบงานของเอโดกาวะ รันโปะ เหมือนกันครับ

โช : จริงเหรอ.. เห๊?  นั่นทำให้ฉันคิดว่า นายคงไม่ได้พยายามทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นหรอกนะ


-- เพราะโชคุงไม่ได้เป็นทางการจนเว่อร์เองตังหากลล่ะ  ฉันเจอรุกิหลังจากการ Free Talk ครั้งที่แล้วด้วยนะ  เขาถามว่า “ครั้งต่อไปโชคุงกับทาเครุใช่รึเปล่า? บอกผมด้วยนะว่า โชคุงเป็นยังไงบ้าง (หัวเราะ)” ดูเขาโคตรอยากรู้อะ (หัวเราะ)

โช : ไม่น๊าๆ อย่าไปเล่าให้เขาฟังเลยครับ (หัวเราะ) ตอนที่คุยกับรุกิซัง  เราพูดถึงสมัยยุโทริกันด้วยนะ (หัวเราะ)

ทาเครุ : เป็นสมัยที่ทำให้คนสับสนกันเลยทีเดียว  ผมคิดว่า ผู้ใหญ่เขาคงคิดประมาณว่า “ฉันจะทำให้พวกเธอผ่อนคลายขึ้น  ก็จงผ่อนคลายซะ”  แต่ผมกลับรู้สึกว่า คนที่ควรจะได้รับมัน  น่าจะเป็นคนที่ทำงานในระดับสูงๆมากกว่า

โช : ใช่แล้วล่ะ

ทาเครุ : แต่คงเพราะในรุ่นเรามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น  ทำให้ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า  พอ “สมัยยุโทริ” เริ่มขึ้น  โทรศัพท์มือถือก็เริ่มแพร่หลาย  แล้วคุณค่าของคนก็เหมือนถูกตัดสินจากระดับความโดดเด่น  มันค่อนข้างน่ากลัวนะ   

โช : อื้อ  ไม่ใช่ว่าเราไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง แต่วิธีการที่เราจะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น  มันก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในชีวิตด้วย

ทาเครุ : เห็นด้วยครับ  มันเริ่มเปลี่ยนแปลงตอนผมยังเป็นนักเรียน หรืออาจจะเด็กกว่านั้น  เวลาสัญญาว่า ไปหาใครสักคน  ก็เปลี่ยนจากบอกกันซึ่งๆหน้าเป็นส่งเมล์หากันแทน  ตอนนี้ถ้าจะไปสายบ้าง  ก็ต้องยกโทษให้แหละ



-- ยกโทษให้..ทั้งๆที่ไปสายเนี่ยนะ?

ทาเครุ : ครับ  ตอนไม่มีโทรศัพท์มือถือน่ะ  คุณต้องพยายามไปให้ทันตามนัดใช่มั้ยล่ะ  แต่พอโทรศัพท์มือถือเป็นที่นิยมมากขึ้น  ก็สามารถส่งเมล์ไปบอกได้ว่า “ขอโทษทีนะ  คงไปสายนิดหน่อย”  พวกเขาก็ยกโทษให้แล้วล่ะ

โช : อืม ที่นายพูดมามันก็จริงนะ (หัวเราะ)  ฉันได้โทรศัพท์มือถือเครื่องแรก  ตอนอยู่ม.ปลายล่ะ  แต่ก่อนหน้านั้น  ฉันไม่รู้จะทำยังไง  เวลาที่คนที่เรานัดมาไม่ตรงเวลาอะ (หัวเราะ)

ทาเครุ : เข้าใจเลยล่ะ.. มันเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก  เกือบทุกๆครึ่งปีเลยเนอะ  นั่นน่ะน่ากลัวจริงๆนะ

โช : คงรู้สึกเหมือนสไตล์การใช้ชีวิตมันเปลี่ยนไปล่ะมั้ง

ทาเครุ : ครับ  คนเกิดหลังจากนั้น 3 ปีก็เข้ายุคดิจิตอลพอดีเลย!  การเปลี่ยนแปลงของโลกเราเนี่ย  น่าทึ่งสุดๆ!

โช : ตกใจมากเลยอะ  เวลาที่คุยกับที่เด็กอ่อนกว่าแล้วเขาไม่รู้จัก ดราก้อนบอล (หัวเราะ)

ทาเครุ : ฮ่ะ ฮ่าๆ

โช : ฉันอยากให้เขาลอง “ทำความรู้จักกับ ดราก้อนบอล แล้วก็ เซนต์เซย่า ” (หัวเราะ)  ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก ดราก้อนบอล ทั้งนั้นแหละเนอะ การที่ฉันจะเข้ากับใครสักคนได้ก็ต้องเอาตรงนี้เป็นเกณฑ์นี่แหละ (หัวเราะ)



-- เอาล่ะ.. จะครบ 30 นาทีแล้วนะ  ทำไมไม่ลองสัญญาอะไรกันสักหน่อยล่ะ?

โช & ทาเครุ : เห๊ะ?! สัญญางั้นเหรอ?!

ทาเครุ : งั้นแกล้งหลอกใครเล่นสักครั้งก็ดีนะ (หัวเราะ)

โช : เราไม่พร้อมที่จะทำแบบนั้นหรอกนะ (หัวเราะ) อ๊ะ จริงสิ!  ถ้าออกไปช็อปปิง หรือจะไปเที่ยวที่ไหนล่ะก็.. ชวนฉันด้วยนะ  เดี๋ยวไปช่วยถือของ (หัวเราะ)

ทาเครุ : อะไรนะ?!  ผมไม่มีทางให้ทำแบบนั้นหรอกน่า! ไม่สัญญาหรอกนะครับ!

โช : ฉันต้องไปช็อปปิงคนเดียวทุกทีอะ  จะไปแต่ละครั้งเตรียมตัวยังกะไปซ้อมวิ่งแหนะ  เป็นพวกไปช็อปกับใครไม่ค่อยได้น่ะ

ทาเครุ : อ๊ะ! ผมก็เหมือนกันครับต้องไปคนเดียว แล้วก็คิดไว้ล่วงหน้าว่าจะซื้ออะไรบ้าง

โช : อืม  ฉันเข้าใจนายนะ  ..แต่มันไม่เหมือนเราไปช็อปด้วยกันหรอกนะ  ฉันแค่อยากดูว่า นายซื้ออะไรบ้างเท่านั้นเอง  เพราะงั้นให้ฉันไปช่วยถือของนะ (หัวเราะ)

ทาเครุ : โหววว~ เป็นอะไรที่สัญญาได้ยากนะ...



-- ทำไมไม่ยอมพาโชคุงไปด้วยล่ะ ทาเครุคุง?

ทาเครุ : ก็มันแปลกนี่นา!

โช : ฮ่าๆๆ ได้โปรดอย่าพูดแบบนั้นเลยนะ (หัวเราะ)

ทาเครุ : ไม่พูดแล้วครับ (หัวเราะ) วันนี้ขอบคุณมากเลยนะครับ!

โช : เช่นกัน  สนุกมากเลยล่ะ  ว่างๆก็ไปกินข้าวด้วยกันอีกนะ  ขอบคุณมาก!