วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Oricon - PSP 1800 : Vol.04 Hiroto(Alice Nine)× Ryoga(BORN)

พบกันครั้งแรกที่ชานชาลาสถานีรถไฟชินจูกุ......


-- พวกคุณรู้จักกันมาก่อนใช่ปะ?

เรียวงะ : K กับ ฮิโรโตะคุงเป็นเพื่อนร่วมห้องกันน่ะครับ  พวกเราเลยมีโอกาสได้เจอกันบ้าง  
เพราะผมกับ K เราอยู่วงเดียวกัน  เนอะ?

ฮิโรโตะ : อื้อ

เรียวงะ : พอ Alice Nine ได้เดบิวต์  K ก็ไปไลฟ์ของ Alice Nine ตลอดเลยล่ะ  
แล้วเขาจะลากฉันไปด้วย  จำได้มั้ยอะ?

ฮิโรโตะ : อื้อ จำได้สิ  พวกนายมาดูเราบ่อยมาก  ครั้งแรกที่เราได้เจอกันเนี่ย  

น่าจะสัก 5 ปีที่แล้ว  ใช่มั้ย?

เรียวงะ : ใช่ๆ  ประมาณ 5 ปีที่แล้ว



-- รู้จักกันมานานเลยนะเนี่ย

ฮิโรโตะ : แน่นอน  ที่ชานชาลาสถานีรถไฟ  ตอนกำลังกลับบ้านน่ะ

เรียวงะ : ใช่แล้วล่ะ  ที่สถานีชินจูกุครับ  แค่ทักทายเขาเฉยๆเอง  ผมน่าจะชวนคุยให้เยอะกว่านั้นอะ  ตั้งแต่รู้จัก Alice Nine  ก็คิดว่า พวกเขา คือ นิยามของวง Visual Kei เลยนะ  ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงของพวกเขา  ผมรู้สึกว่า วงนี้มีซาวด์กีต้าร์ร็อคที่สุดยอดมาก  แต่พอฟังซิงเกิ้ลNamae wa Imada Nai ตอนนั้นอึ้งไปเลย “นี่มันวงอีโมชัดๆ!
ภาพลักษณ์ของพวกเขาดูมีเสน่ห์มาก.. แนวเพลงของพวกเขาก็เหมือนกัน  นั่นน่ะยิ่งทำให้สถานที่ที่ Alice Nine ได้เล่นไลฟ์ในแต่ละครั้ง  เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  ผมเลยคิดได้ว่า  อ๊ะ พวกเขาเป็นที่ยอมรับในฐานะ Visual Kei แล้วนะ  เป็นที่ยอมรับในที่นี้  ผมหมายถึง Alice Nine สามารถทำงานเพลงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม  ผมว่า วงนี้เป็นวงที่มีเพลงหลายแนวมากเลยล่ะครับ

ฮิโรโตะ : ไลฟ์ครั้งแรกที่นายไปดูนี่ที่ Zepp Tokyo หรือ Shibuya Kokaido นะ?

เรียวงะ : ไม่ๆ ที่ SHIBUYA AX ตังหากล่ะครับ  

ฮิโรโตะ : เห๊? นายมาดูไลฟ์ของเราตั้งแต่ไลฟ์ครั้งนั้นเลยเร๊อะ?

เรียวงะ : ใช่แล้วครับ แต่ไม่กล้าทักไง (หัวเราะ)

ฮิโรโตะ : เข้าใจล่ะ (หัวเราะ)  K บอกฉันว่า หลังจากปล่อยซิงเกิ้ลFANTASY

นายก็ชมเราไม่ขาดปากเลย

เรียวงะ : อื้ม  ซิงเกิ้ลFANTASYมีความไพเราะที่บริสุทธ์  มีจุดเด่นของ Visual Kei ผสมอยู่  แล้วยังให้อารมณ์แบบ J-POP อีกด้วย  ส่วนอัลบั้มZekkeishokuฉันประทับใจในซาวด์ดนตรีที่มีความหลากหลาย  ที่รวบรวมองค์ประกอบของรูปแบบทางดนตรีที่แตกต่างกันเข้าไว้ด้วยกัน  ฉันว่า คงเพื่อให้มีความซับซ้อนอยู่ในเพลงมากขึ้น   ซึ่งมันทำให้สงสัยว่า บางทีอาจจะพยายามหลีกเลี่ยงที่จะทำเพลงที่ดูเหมือน Visual Kei มากเกินไป 

ฮิโรโตะ : อืม  ตอนแรก  เราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลีกเลี่ยงมัน

เรียวงะ : งั้นก็เป็นอย่างที่คิดสินะ

ฮิโรโตะ : ตอนที่ Alice Nine เริ่มฟอร์มวง  มีวงแนว Visual Kei อยู่เยอะมากเลยล่ะ  พวกเราเลยคิดว่า ต้องทำสิ่งที่แตกต่าง  ดังนั้นเราจึงล้มเลิกทำเพลงที่มีรูปแบบพื้นฐานมากเกินไปน่ะ 

เรียวงะ : สมัยที่ Alice Nine เริ่มฟอร์มวง  ความประทับใจแรก คือ พวกเขาดูมุ่งมั่นมากเลย  รู้สึกเหมือน 
“มีความรู้สึกมากมายถูกปลดปล่อยออกมาจากท่าทางแบบนั้น  เพื่อบ่งบอกว่าให้เราลองฟังเพลงของพวกเขาซะก่อน”

ฮิโรโตะ : แต่ไลฟ์ครั้งแรกของ Alice Nine  ฉันแทบจะไม่แสดงท่าทางอะไรออกมาเลยนะ (หัวเราะ)

เรียวงะ : ไม่หรอก  นั่นน่ะเป็นจุดแข็งของฮิโรโตะคุงเลยนะ!  เป็นสิ่งที่ดึงดูดฉันได้เลยล่ะ!  

อีกอย่างฉันรู้จักฮิโรโตะคุงตั้งแต่ตอนอยู่วงเก่าแล้วนะ

ฮิโรโตะ : เห๊??

เรียวงะ : ก่อนจะมาอยู่ Alice Nine.. ก่อนที่ฮิโรโตะคุงจะมาทำวงกับพวกเขา  เคยอยู่วง “Sildra [Shirudora]” สินะ  ฉันเป็นนักร้องนำคนแรกของวงนั้นน่ะ

ฮิโรโตะ : เห๊!?  จริงดิ?

เรียวงะ : อื้อ  ตอนนั้นฉันน่าจะสัก 15 หรือ 16 ปีนี่แหละ

ฮิโรโตะ : งั้นเมมเบอร์คนอื่นๆ ก็อายุมากกว่านายอะดิ?

เรียวงะ : ใช่แล้ว  มีนักร้องนำคนใหม่เข้ามาทันทีที่ฉันออกจากวง  หลังจากนั้นก็ได้ยินว่าออกจากวงไปตั้งวงใหม่อีก  นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรูปของฮิโรโตะคุง  ทีนี้พอเห็นฮิโรโตะคุงอยู่กับ Alice Nine ก็นึกออกเลยว่า “อ๊ะ! คนนั้นนี่หว่า!” เพราะงั้นพวกเราเองก็มีความเกี่ยวข้องกันแบบห่างๆ นะเนี่ย

ฮิโรโตะ : เป็นอย่างงี้นี่เอง! ไม่รู้มาก่อนเลยอะ  ทีนี้ถ้าพูดในแง่ของลำดับวงใน PS Company.. BORN ก็เป็นรุ่นน้อง  ถึงแม้ว่าเราจะอายุเท่ากันก็เหอะ  แต่ถ้าพูดในแง่ของประสบการณ์ด้าน Visual Kei  เรียวงะคุงก็มีมากกว่าฉันเยอะเลยล่ะ

เรียวงะ : ฉันเริ่มฟอร์มวงตั้งแต่อายุ 15 หรือ 16 นี่แหละ  หลังจากนั้นก็กลายเป็นแค่คนยกเครื่องดนตรีซะงั้น  พออายุ 18 จนถึง 20  ก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย  แล้วก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับการทำวงดนตรี  พอหันกลับมาทำก็ได้เจอกับ K แล้วก็ฮิโรโตะคุงด้วย  เพราะทั้งสองคนรู้จักกัน  ฮิโรโตะคุงเลยบอกว่า “เราอายุเท่ากันนี่เนอะ  มาพูดแบบธรรมดาๆ กันเหอะ”  แต่ก่อนหน้านั้น  มักจะพูดกับนายแบบสุภาพมากเลยล่ะ (หัวเราะ)

ฮิโรโตะ : นั่นสินะ (หัวเราะ)



-- แล้วนอกเวลางานนี่ได้เจอกันบ่อยรึเปล่าล่ะ?

ฮิโรโตะ : เมื่อเร็วๆ นี้เองครับ  เราออกไปกินข้าวกับรุกิซังแล้วก็ K  น่าจะสักเดือนนึงได้แล้วมั้ง

เรียวงะ : เรา 4 คนไปกินข้าวด้วยกันบ่อยครับ  บางครั้งก็ชวนคนอื่นๆไปด้วย  เราจะนัดเจอกันช่วงเย็น  แล้วก็จะอยู่คุยกันจนถึงตี 5 แหนะ

ฮิโรโตะ : ใช่ๆ (หัวเราะ) แต่รู้มั้ย  ตัดเรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องออกไปก่อนนะ  คนที่ฉันสนใจมากที่สุดตอนนี้ คือ เรียวงะคุง  เพราะงี้ถึงได้เลือกคุยกับนายไงล่ะ

เรียวงะ : ดีใจจังแหะ



-- เรียวงะน่ะ ดีใจจนเว่อร์เลยล่ะ

ฮิโรโตะ : ถึงแม้ว่าเราจะอายุเท่ากัน  แต่ Alice Nine ก็ 8 ปีกว่าแล้วล่ะเนอะ  จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยเจอคนที่อายุเท่ากันที่ทำให้คิดว่า “คนๆนี้เจ๋งดีแหะ” ก็อาจจะมีคนแบบนั้นบ้างแหละ  และเรียวงะคุงก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สามารถดึงดูดความสนใจไว้ได้ ..ฉันเคยไปไลฟ์ของนายก่อนหน้าที่จะเข้ามาใน PS Company อีกนะ

เรียวงะ : อา~ เป็นเกียรติมากเลยนะ  ที่ครั้งนึงฮิโรโตะคุงเคยมาดูไลฟ์ของฉันน่ะ  ถึงมันจะเป็นวงก่อนหน้า BORN ก็เหอะ  แต่เมมเบอร์ก็เหมือนเดิมแหละ  แค่ตอนนั้นชื่อวงคือRENNY AMYเท่านั้นเอง  
ซางะซังกับนาโอะซังก็มาด้วยสินะ

ฮิโรโตะ : อื้อ ตอนที่ไปดูไลฟ์น่ะ  คือ หลังจากที่ไม่ได้เห็น K แสดงบนเวทีสักพักแล้วล่ะ  บอกตรงๆเลยนะ ว่าแทบไม่ได้สังเกตคนอื่นรอบตัว K เลย  พอได้ดูไลฟ์ของพวกนายในฐานะ BORN ก็แอบคิดว่า “พวกนั้นนี่หว่า!?” แล้วก็เริ่มสนใจขึ้นมา  มันเป็นความรู้สึกเหมือนบางอย่างกำลังจะระเบิดออกมา [เค้าว่ามันต้องเป็นรักแรกพบแน่ๆเลยหง่อววว #ผิดๆๆๆ] คงเพราะว่าไม่ค่อยได้เจอแบนด์แมนอายุไล่เลี่ยกันที่สามารถปลดปล่อยทุกอย่างออกมาได้ตอนอยู่บนเวที  ฉันก็เลยรู้สึกว่า นั่นนะสุดยอดมาก  อย่างฉัน.. เวลาขึ้นไลฟ์ก็จะเหมือนคนละคนกับตอนปกติไปเลยล่ะ  ฉันว่า เราน่าจะมีกลิ่นอายคล้ายๆกันเนอะ (หัวเราะ)

เรียวงะ : ก็พอรู้นะว่าหมายถึงอะไร

ฮิโรโตะ : งั้นถือว่าเราเข้าใจตรงกันเน๊าะ



-- นายรู้สึกแบบนั้นสินะ

ฮิโรโตะ : อื้อๆ ผมรู้สึกแบบนั้นแหละ (หัวเราะ)  [ตกลงว่า รู้สึกอะไรกันล่ะค๊าาา  รู้สึกว่า เป็นรักแรกพบแบบที่เค้าเดาสินะๆๆ #อันนี้ก็ผิดดดดด]

เรียวงะ : อ๊ะ! ฉันเคยดูไลฟ์อีกอันของฮิโรโตะคุงก่อนหน้าไลฟ์ที่ AX นะ!  ไลฟ์ที่ Takadanobaba AREA ไง  นั่นน่ะ.. ก่อนหน้าที่ Alice Nine จะไปอยู่กับ PS Company ซะอีก

ฮิโรโตะ : เห๊? เป็นไลฟ์แรกของเราด้วยเหอะ!

เรียวงะ : งั้นเหรอ  ตอนนั้นฮิโรโตะคุงไม่ได้แค่เล่นกีต้าร์อย่างเดียวนี่  เห็นถือไมค์ตะโกนกระตุ้นคนดูด้วย  ทำให้คนดูมันส์กันสุดๆ  แล้ว Alice Nine ก็ดูมีเสน่ห์มากเลยนะ  ฉันรู้สึกว่า วงนี้จะให้ความสำคัญกับซาวด์กีต้าร์เป็นหลักมาตลอด  เคยสงสัยว่า ไลฟ์ของวงนี้จะเป็นยังไงกันนะ  พอมาดูก็เลยได้เห็นฮิโรโตะกระตุ้นคนดูอย่างเมามันส์  ปลดปล่อยความรู้สึกหนักแน่นแบบ “ฉันไม่สามารถควบคุมความเร่าร้อนที่กำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆนี่ได้อีกแล้ว”
ตอนนั้นทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆทั้งสิ้นในไลฟ์  ตราบใดที่มันเจ๋ง  ผลลัพธ์มันก็ย่อมออกมาน่าพอใจ  แล้วสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจยิ่งกว่าเพลง หรือกีต้าร์ คือ การที่ฮิโรโตะคุงคอยกระตุ้นคนดู กับ โชซังที่.. ตัวสูงมากกกก  พอยืนบนแพลตฟอร์มกลางเวที  ยิ่งทำให้เขาดูโดดเด่น  มันเป็นความลงตัวที่สุดยอดของวงนี้เลยนะ  จากวันนั้น.. ทุกอย่างของวงนี้ทำให้ฉันรู้สึกสนใจ  อย่างตอนโชซังตะโกนเนี่ย  เขาจะตะโกนไม่ค่อยสุดเสียงเนอะ  วงนี้มีหลายอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาได้  นั่นน่ะ..ทำให้ทึ่งได้ทุกครั้งเลยนะ

ฮิโรโตะ : ประมาณว่า “อะไรว่ะเนี่ย?” อย่างงี้เหรอ (หัวเราะ)  

เรียวงะ : ไม่ช่ายย  ฉันก็แค่คิดว่า พวกเขาโคตรเจ๋งเลยอะ

ฮิโรโตะ : ตอนนั้น  ฉันมาเล่นแนว Visual Kei ได้แค่ปีกว่าๆเองนะ  แถมยังเด็กสุดในวงอีก  ฉันคิดเสมอว่า “จะไม่ยอมเสียพวกเขาไปเด็ดขาด” ท่าทางที่แสดงออกมา  คงเป็นผลจากการที่คิดแบบนั้นน่ะแหละ 
การที่พวกเรายืนอยู่ที่ตรงนั้น.. ที่ด้านล่างเวที  มันทำให้เข้าใจจริงๆนะ ว่ามีหลายวงที่แสดงออกมาได้อย่างบ้าคลั่ง  แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดที่พวกเขาพยายามจะสื่อออกมาหรอก  ฉันรู้สึกว่า มันเป็นการปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ภายในออกมาตังหาก  ตอนที่เห็นเรียวงะคุง  ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน  บางทีก็สงสัยนะว่า ในไลฟ์น่ะ นายบ้าคลั่งไปเลยจริงๆ หรือว่าเป็นสิ่งที่คิดไว้แล้วว่าจะแสดงออกมา

เรียวงะ : ก็คิดนะ  เวลาซ้อมก็จะลองทำหลายๆแบบ  คิดว่าอยากแสดงออกมาแบบนี้นะ  อยากจะทำแบบนั้นแบบนี้  แต่พอขึ้นเวทีปุ๊บ.. ไอ้ที่คิดๆไว้เนี่ย  ปลิวหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ (หัวเราะ)

ฮิโรโตะ : พอกันแหละ (หัวเราะ)

เรียวงะ : ฮ่าๆๆ ก่อนขึ้นไลฟ์น่ะ คิดอะไรที่อยากจะทำไว้เป็นสิบๆอย่าง  พอขึ้นไลฟ์ก็ได้ทำบ้าง  ไม่ได้ทำบ้าง  ส่วนมากที่ทำอะไรบ้าๆลงไปน่ะ  สัญชาตญาณทั้งน๊านน

ฮิโรโตะ : เข้าใจเลยยย! ก่อนจะขึ้นเวที  คิดโน่นนี่นั่นเยอะแยะอะ (หัวเราะ)

เรียวงะ : เนอะ คิดไว้เยอะเว่อร์ แต่พอขึ้นเวที  ทุกอย่างที่ทำจะเปลี่ยนไปโดยขึ้นอยู่กับแฟนๆทั้งนั้น  มีครั้งนึงที่จู่ๆ ก็หันไปสบตากับเมมเบอร์ในวงด้วย  แล้วยังมีอีกหลายอย่างเลยที่ไม่ได้คิดว่าจะทำลงไปอะ  ก็ไม่อยากจะเผลอทำอะไรที่มันดูไม่ดีไปหรอกนะ แต่พอคิดถึงตอนที่ได้ดูไลฟ์ของฮิโรโตะคุงก็คิดได้ว่า มันคงเป็นความบ้าระห่ำในแบบของฉันล่ะมั้ง

ฮิโรโตะ : ขอบคุณที่ชมนะ







ถึงจะออกไปดื่มสังสรรค์แบบส่วนตัว  ก็ยังชอบคุยเรื่องซีเรียส......

-- นี่.. ทั้งๆ ที่ออกไปดื่มกัน 4 คน แล้วก็อยู่คุยกันจนถึงเช้ามืดบ่อยๆ  แต่ที่คุยกันเมื่อกี้.. ทำไมถึงยังมีเรื่องเกี่ยวกับการเจอกันครั้งแรกให้คุยกันในวันนี้เยอะจังอะ?

เรียวงะ : เวลาออกไปดื่มกัน 4 คน  ส่วนมากเราจะคุยเรื่องเก่าๆ กันน่ะครับ  แล้วก็แชร์ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ให้กันด้วย

ฮิโรโตะ : อื้มๆ (หัวเราะ) 80% เราจะคุยเรื่องฮาๆ ที่เคยทำไปน่ะ  แต่พอใกล้จะกลับบ้านก็จะเริ่มคุยถึงเรื่องที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้

เรียวงะ : ช่าย (หัวเราะ) อย่างกับว่า “มาเริ่มคุยเรื่องซีเรียสกันเถอะ!” เลยเนอะ

ฮิโรโตะ : แต่คุยกันไม่ถึงไหนหรอก.. ร้านก็ปิดซะงั้น (หัวเราะ)

เรียวงะ : แล้วรุกิซังก็จะบอกว่า “คราวหน้าล่ะกันเนอะ”  แต่สุดท้ายก็มัวแต่คุยเรื่องบ้าๆ บอๆ ที่เคยทำกัน (หัวเราะ)



-- อะไรอะ.. เรื่องบ้าๆ บอๆ อะไรกันล่ะนั่น

เรียวงะ : งืมมม.. ไม่นะๆ  มันเป็นเรื่องบ้าบอที่ไม่อยากจะพูดตรงนี้เลยอะ  จริงๆนะ (หัวเราะ) เราเหมือนเด็กมัธยมที่คุยเรื่องน่าตื่นเต้นกันในร้านอาหารแบบครอบครัว หรืออะไรสักอย่างเลยเนอะ

ฮิโรโตะ : เราเป็นแบบนั้นจริงๆครับ เหมือนเด็กวัยรุ่นที่เม้าธ์มอยกันในร้าน Denny หรือ Jonathan เป๊ะเลย

เรียวงะ : เราใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ ในการคุยเรื่องของกระจุกกระจิกไปจนถึงรถไฟเที่ยวล่าสุดที่เรานั่ง  แต่ก็ยังรู้สึกว่า “ไม่อยากกลับบ้านเลย  ไปคุยกันที่อื่นต่อเหอะ!

ฮิโรโตะ : แต่.. ไม่มีร้านไหนเปิดแล้วล่ะ  เลยต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน (หัวเราะ)



-- อ้าว มันก็มีร้านที่เปิด 24 ชม.นี่นา  ก็ไปสิงที่นั่นแทนสิ

เรียวงะ : นั่นสินะครับ  ก็เรายังไม่อยากกลับบ้านกันอะ  จนกว่าจะมีใครพูดว่า เรากลับบ้านกันได้แล้วมั้ง?  แต่มันสนุกตรงที่ไม่มีใครอยากกลับบ้านนี่แหละ

ฮิโรโตะ : เมื่อเร็วๆนี้ ก็เพิ่งเจอกับเรียวคุงไปเองแหละ  แต่ยังไม่เคยมีโอกาสที่ได้คุยกันแค่สองคนแบบนี้เลย  เวลาอยู่กับคนเยอะๆ เรียวคุงเป็นคนขี้เล่นมากเลยนะ  แต่เพราะแม้จะอยู่ท่ามกลางคนเยอะแยะ  เขาก็ยังคงมีตัวตนที่บริสุทธิ์ และตรงไปตรงมา  ผมถึงได้อยากคุยกับเขาไงล่ะ

เรียวงะ : ขอบคุณมากครับ



-- นายอยากคุยกับเขาสินะ  อ้อ.. หมายความว่า รุกิเป็นกขค. ของนายสองคนสินะ (หัวเราะ)

ฮิโรโตะ & เรียวงะ : ไม่ๆๆ! ไม่ได้หมายความแบบนั้นน๊าาา!

ฮิโรโตะ : รุกิซังน่ะเป็นรุ่นพี่ของเราทั้งคู่เลยนะครับ  อย่าพูดอะไรที่ทำให้เราตอบยากนักสิ! (หัวเราะ)



-- อ่ะ.. สรุปว่าเป็นกขค.จริงๆ สิเนี่ย? (หัวเราะ)

ฮิโรโตะ : เขาไม่ใช่กขค.นะครับ! เพราะว่าผมรักรุกิซังไงล่ะ  ในฐานะคนธรรมดา.. เขาก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยม และในฐานะศิลปิน.. ผมก็นับถือเขาจริงๆนะ

เรียวงะ : เขาเป็นเหมือนความใฝ่ฝันเลยนะ  ผมนับถือเขาทั้งในฐานะคนๆนึง  ผู้ชายคนนึง  และศิลปิน  แต่กลับกัน  พอเราอยู่กัน 4 คน  แล้วผมเริ่มพูดเรื่องซีเรียส  รุกิซังจะรีบขัดขึ้นมาเลยว่า “เห้ย  ไหงจู่ๆ มาพูดเรื่องซีเรียสได้เนี่ย? (หัวเราะ)” แล้วบรรยากาศก็จะกลับมาเฮฮาทันที
ยิ่งเวลาที่เราคุยเรื่องฮาๆ  เขาจะเป็นคนที่ใส่ใจเราเสมอ  เพราะในบรรดาเรา 4 คน  ผมมักจะเป็นคนที่เริ่มถามคำถามเครียดๆ ก่อน  ผมชอบถามนู่นนี่นั่นมากกว่าเอาแต่เล่าเรื่องของตัวเองอะ



-- เพราะแต่ละคนก็มีส่วนที่แตกต่างกันออกไป  เลยยิ่งทำให้มีหลายเรื่องที่อยากจะรู้สินะ

ฮิโรโตะ : อืม  เยอะมากเลยล่ะครับ

เรียวงะ : ผมรู้สึกว่า ผมกับฮิโรโตะคุงมาอยู่ในจุดนี้ได้  เพราะรักในดนตรีอย่างบริสุทธิ์  ถึงแม้ว่าตำแหน่งในวงจะไม่เหมือนกัน  แต่ความรักในดนตรีของเราเหมือนกันเด๊ะ  ก็แค่คนสองคนที่รักในเสียงดนตรีมากๆ  ผมถึงได้รู้สึกเป็นเกียรติที่เขามาไลฟ์ของเราตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้ใช้ชื่อ BORN  ฮิโรโตะยืนดูอยู่ในโซนสต๊าฟ  พอเห็นแล้วดีใจสุดๆเลยล่ะ!

ฮิโรโตะ : ก็มันสนุกนี่นา

เรียวงะ : ขอบคุณมากเลย! (หัวเราะ)

ฮิโรโตะ : ที่จริงแล้วเขามาดูไลฟ์ของ Alice Nine ก่อนที่ผมจะไปดูไลฟ์ของ BORN ซะอีกนะ  ในไลฟ์นั้นกลายเป็นที่ๆ เต็มไปด้วยความสนุก  ยิ่งพอถึงจุดไคลแมกซ์.. เราไม่ได้แค่ไปฟังเพลงของพวกเขา  เพราะพื้นที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยความมันส์  บอกตรงๆเลยนะ  ผมจะไปดูไลฟ์ของคนที่ผมคิดว่า สุดยอดเท่านั้น  พอคิดแบบนั้นมันก็แปลกดีนะ  ถึงแม้ตำแหน่งในวงจะต่างกัน แต่เราก็รุ่นเดียวกัน  บางครั้งเราจะชอบดูหรือฟังอะไรที่คล้ายๆกัน  ผมคิดว่า ถ้าคนเริ่มคิดที่จะลองทำวงเป็นครั้งแรก  เขาคงอยากเป็นนักร้องนำ ไม่ก็มือกีต้าร์  อย่างตัวผมที่อยากเป็นมือกีต้าร์  ก็จะมีเรื่องกังวลในแบบของผม  นักร้องนำก็จะมีเรื่องให้ต้องกังวลอีกแบบหนึ่ง แต่ผมแน่ใจว่า ตัวตนของเรามีส่วนหนึ่งที่คล้ายกัน  พอได้ดูเขาแสดงบนเวทีแบบใกล้ๆ  ถึงได้รู้สึกว่า เขาสุดยอดมาก   




-- ฮิโรโตะเองก็มีฮิเดะซังเป็นแรงบันดาลใจด้วยนี่  แล้วไม่อยากลองร้องเพลงบ้างเหรอ?

ฮิโรโตะ : ผมไม่เคยคิดเรื่องนั้นแหะ  ไม่เคยอยากทำอะไรอย่างอื่นในขณะที่ยังทำวงกับ Alice Nine เลยล่ะ  อย่างเช่น.. ทำ Solo Project แล้วก็เป็นนักร้องนำเองด้วย  แต่เมื่อเร็วๆนี้  ผมก็เหมือนจะได้ร้องนิดนึงแหละ  ในงานแฟนอีเว้นท์น่ะครับ  ก็แอบซ้อมไปบ้าง  ผมคิดว่า “อ๊ะ ก็พอจะมีพื้นฐานด้านเพลงบ้างนี่นา” แต่ถึงงั้นก็ไม่อยากร้องเพลงโดยที่ไม่ได้เล่นดนตรีไปด้วยหรอกครับ  และถึงจะได้ร้องแค่แป๊บเดียว  ก็ทำให้รู้สึกว่าร้องเพลงนี่สนุกดีแหะ

เรียวงะ : ตรงข้ามกับฉันเลยอะ  ฉันชอบกีต้าร์มากเข้าขั้นหลงใหลเลยแหละ  นี่ก็เพิ่งเริ่มหัดเล่นด้วย  ตั้งแต่เริ่มหลงรักเสียงเพลง  ฉันก็คิดว่า การเล่นเครื่องดนตรีสักอย่างไม่น่าจะส่งผลเสียต่อการร้องเพลงสักเท่าไหร่  ตอนที่ได้เล่นกีต้าร์เนี่ยมันสนุกมากเลยนะ  แล้วมันทำให้เข้าถึงมุมมองที่หลากหลายได้มากขึ้นด้วย  พอฟังเพลงก็จะคิดว่า ซาวด์กีต้าร์เพลงนี้ยอดเลย หรือไม่ก็ เพลงนี้ควรจะใช้ซาวด์แบบนี้สิ  บางทีก็หงุดหงิดตัวเองนะ  ที่เล่นอะไรไม่ได้สักอย่างอะ  ฉันว่ามันน่าจะสนุกกว่าถ้าได้เล่นดนตรีบ้าง  เพราะงั้นตอนนี้ก็เลยพยายามฝึกอยู่ล่ะ

ฮิโรโตะ : คงได้เห็นบนเวทีเร็วๆนี้แหละ

เรียวงะ : อื้อ  ฉันจะพยายามฝึกนะ  ต้องเล่นได้สักวันแหละน่า

ฮิโรโตะ : โหวว ฉันจะตั้งตารอเลยล่ะ! ไม่น่านานเกินรอหรอก




-- ไม่นานเกินรอ และไม่มีรุกิด้วยใช่ม่ะ? (หัวเราะ)

ฮิโรโตะ & เรียวงะ : ฮ่า ฮ่า ฮ่า ใช่ซะที่ไหนกันล่ะ (หัวเราะ)

ฮิโรโตะ : มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยนะครับ  ที่จะต้องมีรุกิซังเสมอ  เพราะถ้าไม่มีเขา  เราคงไม่ได้นัดเจอกันหรอก  แล้วก็ไม่มีทางจะนั่งคุยกันได้ยันเช้าแน่ๆ

เรียวงะ : ถูกต้องที่สุด



-- ก็คงงั้นแหละ  ถ้าไม่มีรุกิคงแทบเป็นไปไม่ได้ที่นาย 2 คนจะได้มานั่งคุยกัน  รุกิเองก็ดูแลพวกนายดีมากเลยนี่  เขาน่ะเป็นคนที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมากเลยเนอะ

ฮิโรโตะ : จริงครับ  ผมก็อยากเป็นแบบเขานะ  คนที่ใครสักคน หรือทุกๆคนรู้สึกใฝ่ฝันถึง

เรียวงะ : นั่นสินะ  ผมรู้สึกขอบคุณรุกิซังจริงๆนะครับ  ที่ทำให้ผมมีความพยายามที่จะเป็นรุ่นพี่ที่ดีแบบเขา! และขอบคุณสำหรับวันนี้นะ  ฮิโรโตะคุง!

ฮิโรโตะ : ไม่สิ  ฉันตังหากที่ต้องขอบคุณ  วันนี้สนุกมากเลยล่ะ  ขอบคุณนะ