วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Oricon - PSP 1800 : Vol.01 RUKI(the GazettE)× Shou(Alice Nine)

สิ่งที่สัมพันธ์กันของคน 2 คนซึ่งเป็นรุ่นเดียวกัน?

-- เอาล่ะ  ไม่ว่าพวกคุณอยากจะคุยเรื่องอะไรกัน  แต่ตามโปรเจค คือ พวกคุณมีเวลา 30 นาทีในการ Free Talk นะ

รุกิ : ฮ่ะฮ่าฮ่า  อุปสรรคเยอะจังนะ (หัวเราะ)  รู้สึกสั่นๆ ขึ้นมานิดหน่อยแฮะ (หัวเราะ)

โช : เริ่มจะเครียดแล้วอะ

รุกิ : ต้องผ่อนคลายๆ (หัวเราะ)  อย่าให้มันตึงเกินไปจะดีกว่าเนอะ  สำหรับโปรเจ็คนี้เนี่ย



-- นั่นแหละที่ต้องทำ  เข้าใจถูกแล้วล่ะ (หัวเราะ)

รุกิ : โย๊ชชช  อืม ก่อนอื่นก็ต้อง.. ขอฝากตัวด้วยนะครับ

โช : อา.. ขอโทษทีนะ

รุกิ : อะไรกันล่ะ.. อยู่ๆ ก็มาขอโทษซะงั้น! (หัวเราะ)

โช : ไม่ๆ ....ขอโทษนะ (หัวเราะ)

รุกิ : อะไรเล่า! (หัวเราะ)

โช : เปล่าหรอก (หัวเราะ)  มันเป็นครั้งแรกที่เราได้มาคุยกันตัวต่อตัวแบบนี้ไง  ก็คิดไว้แล้วแหละว่า ต้องตื่นเต้น  เพราะได้รับโอกาสที่จะได้พูดคุยกับเมมเบอร์จากวงอื่นๆ  และถ้าอยากจะคุยกันแบบนี้อีก.. มันก็ต้องเริ่มจากการได้รับโอกาสให้คุยกันเป็นครั้งแรกก่อนไงล่ะ

รุกิ : นั่นสินะ  นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ได้มานั่งคุยกันตัวต่อตัว  ..เหลือเชื่อจริงๆ เลยเนอะ

โช : ปีที่ผมเริ่มฟอร์มวง**  the GazettE ซังก็ครบ 1 ปีแล้วล่ะ  ในวันเดียวกันผมได้มีโอกาสขึ้นไลฟ์ที่ Takadanobaba Phase  พวกเรายังเป็นวงเด็กน้อยอยู่เลย แต่ the GazettE ซังในตอนนั้นเป็นวงที่ทั้งโดดเด่นและสุดยอดมากๆ  นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกครับ

[ ** คิดว่า พี่โชพูดถึงวงเก่านะคะ  เพราะปีที่ the GazettE ครบ 1 ขวบ (10 มี.ค.2003Alice Nine ยังไม่เกิดเลยค่ะ ^^ และนอกจากวันที่ 10 มี.ค. จะเป็นวันเกิดของ the GazettE แล้ว  ยังเป็นวันที่ Alice Nine ได้แสดงไลฟ์เป็นครั้งแรกค่ะ  และ Takadanobaba Phase ก็เป็นไลฟ์เฮ้าส์ที่ the GazettE เคยขึ้นแสดงอีกด้วยน๊า >w<

รุกิ : นี่.. เพลาๆ ลงบ้างเหอะ  โชคุง (หัวเราะ)



-- อา..  เพราะมันเป็นหน้าที่ของรุกิคุงสินะ (หัวเราะ)

โช : เอ่อ.. ขอโทษทีครับ  ผมว่า.. มันเริ่มต้นค่อนข้างยากนะ (หัวเราะ) แต่ที่อยากจะพูดอีกอย่าง คือ พวกเขาสมกับที่เป็นพี่ใหญ่มากครับ
                                                         
รุกิ : นี่ๆ เดี๋ยวนะ (หัวเราะ)  อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนแก่สิ! เราน่ะ.. รุ่นเดียวกันนะ 
[ เผื่อใครงงเนอะ.. ที่รุกิอยากสื่อ คือ ให้พี่โชเพลาๆ ความสุภาพลงบ้างค่ะ  ซึ่งคนสัมภาษณ์ก็เข้าใจ  เลยแซวว่า เป็นหน้าที่ของรุกิตังหากล่ะ  เพราะรุกิอ่อนกว่าพี่โชประมาณ 8 เดือน ]

โช : คงงั้นมั้งครับ

รุกิ : ฉันน่ะ.. รู้จักโชคุงตั้งแต่ก่อนจะมาเป็น Alice Nine แล้วนะ  ไม่เคยเข้าไปคุยหรอก  แต่ก็เคยเห็นอะ

โช : ขอบคุณมากเลยนะครับ!



-- the GazettE ฟอร์มวงตอนปี 2002  ส่วน Alice Nine ตอนปี 2004 สินะ  เพราะงั้นก็ถือว่าเป็นรุ่นพี่อยู่ 2 ปี

รุกิ : อือๆ  แต่มันก็ไม่มากพอจะเรียกว่า รุ่นพี่หรอกน่า

โช : ไม่หรอก  ผมว่า 2 ปีมันห่างกันเยอะนะ  ผมเริ่มฟอร์มวง VK ครั้งแรกในปี 2002  แต่ตอนนั้นเรายังเหมือนเด็กเล่นกันอยู่เลยอะ



-- ทั้งสองคนน่ะ  ตอนที่เคยเจอกันแบบผ่านๆ มีความประทับใจอะไรในตัวอีกฝ่ายบ้างมั้ย?

โช :
ไม่นะ  ไม่อยากตอบเลยอ่า

รุกิ : ทำไมล่ะ! (หัวเราะ) แต่ว่า ไม่พูดถึงมันดีกว่าเนอะ  ผมเองก็นึกไม่ค่อยออก  แต่ถ้าเป็นความประทับใจตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในบริษัทครั้งแรกจนถึงตอนนี้..  ทุกคนตัวโคตรใหญ่!  นั่นเป็นความประทับใจแรกเลยนะ (หัวเราะ)



-- ถ้าไม่นับฮิโรโตะนะ

รุกิ : เอ่อ..  นั่นดิ (หัวเราะ)  ในวงของผม  พวกเราก็ไม่ได้สูงอะไรมากมาย  พอขึ้นลิฟท์พร้อมกับ Alice Nine  เลยรู้สึกเหมือนโดนข่ม (หัวเราะ)  ขนาดอุรุฮะที่สูงที่สุดในวงก็ยังเตี้ยกว่าโชคุง  แล้ววันนั้นผมยืนข้างๆ โทระด้วยนะ  โดนข่มหนักสุดอะ (หัวเราะ)

โช :
โทระสูงที่สุดใน Alice Nine เลยล่ะ  ประมาณ 182 ซม. ได้มั้ง

รุกิ : 182 ซม.เนี่ยนะนี่มันเมืองยักษ์ชัดๆ

โช :
ฮ่ะฮ่าๆๆ  เมืองยักษ์เลยเหรอ (หัวเราะ)



-- เอ้อ.. ขอพูดถึงเรื่องครอบครัวบ้างสิ  รุกิมีพี่ชาย 2 คน  เพราะงั้นก็เป็นน้องชาย  ส่วนโชคุงมีน้องสาว  เพราะงั้นก็เป็นพี่ชาย  ตอนนี้บทบาทน้องชายกับพี่ชายเหมือนจะกลับกันซะแล้วสิ (หัวเราะ)

รุกิ : อืม  ก็จริงนะ  ตอนนี้เราสองคนอยู่ในฐานะที่ให้ความรู้สึกแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง  ถึงแม้ว่าบทบาทมันจะดูสลับกัน  แต่ผมก็ยังมีอิมเมจแบบน้องชายอยู่นะ (หัวเราะ)

โช : แต่ผมไม่เป็นแบบนั้นนะ  ตอนนี้ผมเป็นรุ่นน้อง  เลยทำให้มีอิมเมจแบบน้องชายตามไปด้วย  คือ วิธีการแสดงออกของผมเวลาที่พูดคุยก็จะทำให้เหมาะสมกับที่พวกเขาเป็นรุ่นพี่น่ะครับ (หัวเราะ)



-- แล้วก็ดูเหมือนว่า ทั้งคู่จะเติบโตมาจากครอบครัวที่มีการอบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวดมากด้วยสินะ

รุกิ : อื้อ  พวกเขาเข้มงวดสุดๆ เลยล่ะ

โช : ผมก็เหมือนกันครับ  ทั้งเคร่งครัด ทั้งเข้มงวด



-- แต่ถึงอย่างนั้น  ก็ยังมาเป็นแบนด์แมนกันได้นะ......

รุกิ : ฮ่ะฮ่าฮ่าฮ่า  มันเป็นการตอบโต้อย่างหนึ่งน่ะ (หัวเราะ) เป็นผลลัพธ์จากการระบายความรู้สึกให้หลุดพ้นจากความเข้มงวด  ขนาดแค่จะย้อมผมพวกเขาก็ยังไม่ยอมให้ทำอะ  ครอบครัวของโชคุงก็เข้มงวดเหมือนกันสินะ?

โช : ครับ  เข้มงวดมากๆ เลยล่ะ  ผมต้องเรียนหนักมาก  พอเริ่มขึ้นม.ต้นก็เริ่มรู้สึกต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ  แต่ก็มืดมนเหมือนเดิม  ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด......

รุกิ : โชคุงผู้แสนมืดมน (หัวเราะ)

โช : นั่นแหละ  มันไม่หายไปจนหมดซะทีอะ!

รุกิ : ฉ..ฉันเข้าใจนะ...... มันก็พูดยากเนอะ (หัวเราะ) แต่มันไม่ใช่อีกแล้วล่ะ  พอเป็นนักร้องนำ  ก็มีออร่าสุดๆ (หัวเราะ) ส่วนฉันเนี่ย  ไม่เห็นจะมีออร่าแบบนั้นบ้างเลย (หัวเราะ)

โช : ไม่หรอกครับ  ...หลังจากที่เริ่มต่อต้าน  ก็รู้สึกได้ว่า ในหัวใจมันมีส่วนที่มืดมิดอยู่  ผมพยายามตามหาแสงสว่าง  ตอนม.ต้นเลยตัดสินใจเข้าชมรมบาสเกตบอล  แต่เพราะเกิดอุบัติเหตุ  ทำให้ไม่สามารถลงแข่งได้  นั่นเป็นจุดพลิกผันในชีวิตเลยล่ะ

รุกิ :
อุบัติเหตุ?

โช : ครับ  รถชนน่ะ  ก็เลยลงแข่งไม่ได้  จากนั้นก็ไม่อยากจะทำอะไรเลยสักอย่าง  หนทางข้างหน้าก็ดำมืดไปหมด  ตัวผมที่เหมือนไร้ความรู้สึกจ้องมองไปที่โปสเตอร์ของ LUNA SEA ซังที่ติดอยู่หน้า Yokohama Stadium  ตอนนั้นผมน่าจะอยู่ม.ต้น  ปี 3  ในที่สุดก็มองเห็นแสงสว่างแล้วล่ะครับ

รุกิ : อย่างนี้นี่เอง  สรุปว่าไม่ใช่บาสเกตบอลนะ

โช : ครับ  ไม่ใช่บาสเกตบอลหรอก  แต่เป็นนี่! นี่แหละสิ่งที่ตามหา  รุกิซังเองก็ตามรอย LUNA SEA มาเหมือนกันสินะ?

รุกิ : แน่นอน  นี่เหมือนกับว่า.. กำลังจะเริ่มพูดถึงต้นแบบทางดนตรีของพวกเราเลยนะเนี่ย

โช : นั่นสินะ

รุกิ : หืม... แต่จนถึงตอนนี้เรื่องที่คุยกันมันมีอะไรที่ขัดๆ กันอยู่นะ  คือ.. ถึงแม้เวลาพูดโชคุงจะดูอดกลั้นมากๆ  แต่ที่จริงกลับ.. ดูผ่อนคลายมากขึ้น~  แล้วก็พูดอย่างเปิดเผยขึ้นเยอะ~ 

โช : อา.. เหรอครับ  ขอโทษทีนะครับ!

รุกิ : เห้ย.. กลับมาพูดแบบทางการอีกแระ (หัวเราะ)  แป๊บนะ.. เรามาเปลี่ยนโปรเจคของวันนี้เป็น การพบปะเพื่อปลดปล่อยโชคุง ดีกว่าป่ะ? (หัวเราะ)

โช : ไม่น๊า  ถึงรุกิซังจะบอกให้ผมพูดอย่างเปิดเผยบ้าง  แต่สำหรับผมน่ะ  ถ้าไม่ดื่มย้อมใจ  ก็ทำไม่ได้หรอกครับ (หัวเราะ)

รุกิ : ฟังที่เขาพูดสิ! เป็นทางการมาก  ตึงมาก  ตึงสุดๆ! แต่ว่า.. มันคงเป็นบุคลิกพื้นฐานของโชคุงล่ะเนอะ  ดูจริงจัง  เอาการเอางาน  นั่นเป็นข้อดีของโชคุงเลยนะ  ยิ่งไปกว่านั้น.. ในรุ่นของพวกเรา  ความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องมันโคตรสุดโต่งอะ  เพราะมันเข้มงวดมาก  ผมเลยคิดว่า คงฝังแน่นไปซะแล้วล่ะมั้ง  ผมเข้าใจดีเลยแหละ  ก็เรามาจากรุ่นเดียวกันนี่เนอะ 



-- รุกิคุงเองก็เป็นคนจริงจังสินะ

รุกิ : จริงจังสิ  จริงจังมาก  ถ้าให้พูดถึงตัวเองก็ขอบอกเลยว่า ฉันน่ะ.. เอาจริงเอาจังมากเลยนะ

โช : อย่างนั้นเหรอครับ  ไม่นะ  คือ.. ผมเริ่มกลายเป็นคนเข้มงวดก็ตอนเข้ามาในบริษัทล่ะมั้ง (หัวเราะ) น่าจะเป็นตั้งแต่ที่เข้ามาบริษัทน่ะแหละ  ผมคิดว่า ไม่ได้เข้มงวดมากมายหรอก  ออกจะบ้าบอ (หัวเราะ) 

แต่ว่า.. พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับวงก็จะเข้มงวดกับตัวเองมากขึ้นทันทีเลยล่ะ  ต้องให้มากพอที่จะทำจนสำเร็จ  ต้องให้มากพอที่จะเป็นวงที่ยอดเยี่ยมแบบรุ่นพี่ของเรา  ในขณะเดียวกัน  ความเคารพนอบน้อมก็ต้องมากขึ้นตามไปด้วยครับ

รุกิ : อื้อฮือ.. พวกเราก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ  อย่างตอนที่ Alice Nine เข้ามาในบริษัท  พวกเขาดูแน่วแน่มั่นคงจนเหมือนมีออร่าที่ทำให้ไม่อยากเข้าใกล้เลยอะ

โช : ก็ช่วงแรกๆ เราไม่ยุ่งกับใครเลยนี่ครับ  คงเพราะกลัวมั้ง

รุกิ : บอกแล้วว่าเราน่ะเหมือนกัน  ตอนที่เข้ามาที่บริษัทครั้งแรก  ที่นั่นน่ะมีโครงสร้างทางสังคมแบบแนวดิ่ง [ คือ มีลำดับขั้น.. ผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่ ] พวกฉันเองก็มีความแน่วแน่อยู่เยอะ  ดีไม่ดี.. คงเผลอแผ่ออร่าแบบ “อย่ามาคุยกับพวกเรานะเฟ้ย!” ออกมาเพียบแน่ๆ  แต่ว่าฉันก็ยังประทับใจในตัวโชคุงเหมือนเดิมนะ (หัวเราะ)

แล้วตอนนี้เราก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว.. รู้จักวางตัวกันมากขึ้น.. ถ้าหากว่า ได้คุยกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก  เราก็คงคิดแบบอึ้งๆ ว่า “เขาก็คุยดีนี่  ผิดคาดเลยแฮะ!” (หัวเราะ)

โช : ฮ่าๆๆ  แต่โครงสร้างทางสังคมแบบแนวดิ่งเป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ  ผมไม่คิดว่า สังคมแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิดหรอก

รุกิ :
ก็จริงนะ  ถึงจะไม่เคยต้องไปอยู่ท่ามกลางสาธารณะชน แต่ก็คิดว่า คนที่จะอยู่ในจุดที่สุดเหนือคนอื่นได้  สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือ ต้องเป็นคนมีเหตุผล  แม้แต่เรื่องการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์  และเพราะแบบนั้น  โชคุงน่ะไม่มีทางหันไปทางสายนั้นได้แน่ๆ 

จริงอยู่ที่ว่าเขาเข้มแข็งมากต่างกับภาพลักษณ์ภายนอกที่เราเห็น  แต่เคยได้ยินข่าวลือมาว่า ถึงแม้บรรยากาศรอบตัวโชคุงจะดูอ่อนโยนก็เหอะ  ถ้าโกรธขึ้นมา  เขาก็ไม่แม้แต่จะยื่นมือไปช่วยหรอกนะ (หัวเราะ) 

โช : ฮ่ะฮ่าๆๆ  ไม่ใช่น๊า







 ประเภทของคนที่สามารถดึงดูดความสนใจ......

-- เป็นคนที่มักจะอ่อนโยน แต่ก็ปากแข็งอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะ  โชคุง (หัวเราะ)

โช : ครับ  ปากแข็งจริงๆ นั่นแหละ

รุกิ : เป็นเรื่องที่ดีนะ  ผมว่า คนเราก็ต้องรู้จักปากแข็งซะบ้าง  แต่สมัยนี้คงไม่ดีแล้วล่ะมั้ง  อ๊ะ ไม่นะ ไม่ๆ เดี๋ยวนี้เวลาพูดอะไรชอบติดปากคำว่า “เด็กสมัยนี้” ตลอดเลยอะ (หัวเราะ)

โช : เอ๊ะ  เหมือนกันเลยครับ  มีหลายเรื่องเลยล่ะที่ผมคิดเกี่ยวกับพวกเขาน่ะ!

รุกิ : ไม่ว่าเมื่อไหร่เรื่องพวกนี้ก็มีประเด็นให้คุยได้เสมอเลยเนอะ  อ๊ะ แต่เรื่องพวกนี้น่ะ? ถ้าจะคุยกัน  สำหรับฉันมันไม่เป็นไรไง แต่กับโชคุงเนี่ย  ไม่เสียภาพพจน์หมดเหรอ? (หัวเราะ)

โช : ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่เป็นไรหรอกครับ!

รุกิ : ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ ตามประสบการณ์ที่เคยอยู่ในสังคมแบบแนวดิ่ง.. อายุจะเป็นตัวกำหนดขอบเขตของพวกเขา  นาย.. นี่ฉันไม่ได้ถึงขั้นประหม่าอะไรหรอกนะ! ก็แค่เขินนิดหน่อยน่ะ......ไม่ได้ถึงขั้นนั้นแน่! ไม่เลยๆ

โช : ครับๆ เข้าใจแล้วล่ะ  ผมกำลังคิดว่า กรุณาแนะนำตัวเองได้เต็มที่เลยนะครับ! 

รุกิ : อื้อๆ ถึงแม้จะเขิน  ก็ควรจะแนะนำตัวเอง! แบบนั้นแหละ ไม่งั้นก็แบกรับมันต่อไปเหอะ! เดี๋ยวนะ.. โชคุงเองก็พูดอะไรบ้างสิ



-- เอ๊.. นี่เหมือนกำลังหนีเลยนะ (หัวเราะ)

รุกิ : ไม่ใช่สักหน่อย  ก็เหมือนมีแต่ผมที่พูดอยู่คนเดียวเลยอะ (หัวเราะ)

โช : พูดจากใจเลยนะ  ผมว่า ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาทับซ้อนมันขึ้นไปเรื่อยอย่างไม่รู้จักพอ..  นี่แหละเด็กล่ะ

รุกิ : ฮ่าๆๆ นี่! มันกำลังกลายเป็นบทสนทนาของคนแก่แล้วนะ (หัวเราะ) มากขึ้นเรื่อยๆเลย!?

โช : คอยหาทางหนี  เพื่อที่จะได้อยู่กับบางสิ่งที่สนุกสนาน  รู้สึกว่าจะเป็นแบบนั้นเสมอเลยล่ะ

รุกิ : นั่นสินะ ก็มีเรื่องทำนองนั้นอยู่เหมือนกัน  ฉันหมายถึงสมัยยุโทริน่ะ  เราอยากจะมีวันหยุดสุดสัปดาห์เพิ่มขึ้น  เพื่อพักผ่อน  แล้วสมัยยุโทริก็เริ่มต้นพอดี  แต่ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบสมัยยุโทริหรอก  ก็มันเป็นสมัยนีโอยุโทรินี่เนอะ 

[แอดมิน : ยุโทริ (Yutori Education) เป็นนโยบายการศึกษาที่ลดเวลาเรียนและเนื้อหาหลักสูตร  เมื่อก่อนจะเรียนจันทร์-ศุกร์เต็มวัน และวันเสาร์อีกครึ่งวันค่ะ]

โช : นีโอยุโทริ! จริงสิ! สมัยของพวกเราน่ะ  เป้าหมายก็คือ การจับมือสร้างข้อตกลงที่ดีกับทุกคนล่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยรู้สึกแบบนั้นแล้วแฮะ

รุกิ : ไม่เลยสักนิด  ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย  แต่ฉันเข้าใจนายน๊า~ (ทำเสียงเห็นอกเห็นใจ)  สมัยนั้นน่ะ เราร้อนอย่างกับไฟ  ถึงจะสร้างข้อตกลงที่ดีก็ยังคงเป็นคู่แข่งกัน  เราต่างพยายามที่จะเปล่งประกายมากขึ้น 

มันคงแย่นะ ถ้าไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น  คงเซ็งสุดๆอะ  ผมคิดว่า ถ้าเราไม่ได้เผชิญหน้ากับวิกฤตอะไรสักอย่าง  เราก็ไม่มีทางเติบโต  จะบอกให้นะ  โชคุง..  นายที่คิดเรื่องแบบนั้นด้วยใบหน้าอ่อนโยนนี่! น่ากลัวอะ!  

โช : ฮ่าๆๆ  มันเป็นเรื่องปกตินะ

รุกิ : แต่ว่านะ.. เมื่อก่อนตอนที่รวบรวมสมาชิกทำวงอะ  ก็ยังมีเขียนว่าความคิดแบบมืออาชีพของเราด้วยล่ะ (หัวเราะ)

โช : ฮ่า ฮ่า ฮ่า ..อืม พวกผมก็เคยเขียนแบบนั้นนะ ประมาณว่าความคิดแบบมืออาชีพ• Girls=X(หัวเราะ)

รุกิ : อื้อๆ (หัวเราะ)  นายต้องมีจิตวิญญาณที่หิวโหยแบบนั้นแหละ  พอได้เมเจอร์เดบิวต์  ก็จะได้รู้อะไรหลายอย่างมากขึ้น  แต่เมื่อก้าวเข้ามาในบริษัท  เราไม่สามารถคิดว่าจะเป็นยังไงก็ได้  เพราะเพลงของเราจำเป็นต้องขายออก 
ฉันคิดว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  เราต้องดิ้นรนเพื่อตัวเอง  แม้ว่าจะได้ร่วมงานกับบริษัทแล้ว  ถ้าหากไม่ทำให้ดีที่สุด  ก็ไม่สามารถดึงความแข็งแกร่งออกมาใช้ได้หรอก

โช :
ส่วนพวกผมน่ะ  ได้ร่วมงานกับบริษัทหลังจาก the GazettE ซัง  แน่นอนว่า พวกคุณเป็นส่วนหนึ่งของวงใน PS Company ไปแล้ว  ในสถานการณ์นั้น  พวกผมรู้สึกนับถือมากๆเลยล่ะ 
แต่ในทางตรงข้าม  พอได้ร่วมงานกับบริษัท  ถึงแม้พวกเรายังไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่ก็ไม่อยากให้ใครคิดว่าเราจะขายไม่ออกหรอกครับ  ดังนั้น.. นั่นคือ เหตุผลที่ทำให้เราฝึกซ้อมอย่างหนัก

รุกิ : นั่น! นั่นแหละคือจิตวิญญาณที่หิวโหยอย่างที่ฉันหมายถึงไงล่ะ  แต่บอกตรงๆเลยนะ ฉันน่ะคิดว่า Alice Nine ยอดเยี่ยมสุดๆเลย..  เพื่อที่จะเติบโตขึ้น  เรามักติดอยู่กับแนวเพลงที่เราคิดว่ามันดีแล้ว  และก็พยายามดิ้นรนอย่างไม่ลดละ 
จนถึงตอนนี้.. เราก็ไม่ค่อยพยักหน้าเออออ และมักจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราไม่ได้เป็นคนอนุมัติเสมอ  ฉันคิดว่าพวกเราน่ารำคาญนิดหน่อยนะ แต่บางอย่างที่ตรงข้าม  มันก็ไม่ใช่ตัวเราน่ะ

โช : นั่นสินะ

รุกิ : อ่าห๊ะ  นี่จริงจังนะเนี่ย (หัวเราะ)

โช : จริงจังสุดๆเลยล่ะ (หัวเราะ)



-- ทั้งสองคนเนี่ย  เหมือนกันตรงเข้ากับคนอื่นยากสินะ

รุกิ : ผมไม่ค่อยเข้าสังคมน่ะ

โช : อา.. ผมก็เหมือนกันครับ

รุกิ : ถ้าหากใครสักคนไม่สนใจในความเห็นของผม  ผมก็ไม่ค่อยอยากคุยกับเขาหรอก

โช : ผมเข้าใจดีเลยล่ะครับ

รุกิ : อื้อ  มันจะแตกต่างกับการไปเที่ยวกับคนแบบที่เราเดาทางออกมากเลยล่ะ  ถ้าผมอยากจะรู้จักใคร.. เขาต้องเป็นคนที่น่าสนใจ  แต่ถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจ  ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเขาเยอะแยะหรอก



-- แล้วคนแบบไหนที่เรียกความสนใจได้กันล่ะ?

รุกิ : ผมเป็นคนดีไซน์เครื่องแต่งกายแล้วก็ช่วยจัดการหลายเรื่องภายในวง  เพราะงั้นผมถึงได้สนใจคนที่สามารถทำแบบนั้นได้เหมือนกัน  ในแง่ของการมีวงเป็นของตัวเอง  ถ้าเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้  เขาก็ยิ่งดูไม่น่าสนใจอะ  มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและสำคัญมากๆ



-- ที่พูดน่ะ.. มันมีความหมายแฝงนะ  เพราะโชคุงเคยทำงานในร้านตัดเสื้อนี่นา  ตอนนี้ก็เลยได้รับผิดชอบเรื่องดีไซน์เสื้อผ้าให้กับ Alice Nine ด้วยเนอะ

โช : ครับ  ผมเป็นคนรับผิดชอบในส่วนนั้น  แต่ผมคิดว่ารุกิซังยอดเยี่ยมในเรื่องนี้มากกว่าอีกนะครับ  เวลาที่ผมวางแผนงาน  ในหัวก็จะคิดว่า “คงจะดีนะ  ถ้าสามารถทำออกมาได้ดีแบบนั้นบ้าง” แล้วพอทำเสร็จปุ๊บ  ก็แอบรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยแบบ.. “อุหว่า~ พลาดแล้วๆ!”  คนที่น่าสนใจตลอดเวลาเนี่ย.. ยกให้รุกิซังเลยล่ะครับ



-- เคยคิดบ้างรึเปล่าว่า แฟนคลับมองพวกคุณแบบไหน?

โช : พวกประหลาด.. สินะ?

รุกิ : ใช่ซะที่ไหนกันเล่า!


-- ไม่ใช่ว่าเหมือนเจ้าชายเหรอ?

รุกิ : นั่นสินะ  ก็คิดแบบนั้นแหละ  เหมือนเจ้าชาย


-- แต่ว่า รุกิคุงไม่เห็นจะเหมือนเจ้าชายเลยนะ

รุกิ : ฮ่าๆๆ ก็ไม่ได้หมายถึงผมซะหน่อยนี่  ซางะซังก็เหมาะอยู่นะ (หัวเราะ) แต่โชคุงนี่แหละเจ้าชายที่เพอร์เฟ็คที่สุด

โช : ตอนเด็กๆ ผมมักจะรู้สึกอ่อนแอลงเวลาที่คิดว่าตัวเองเจ๋งนะครับ

รุกิ : นั่นไม่ช่วยอะไรหรอกนะ  เพราะนายน่ะเจ๋งอยู่แล้ว

โช : ไม่หรอกครับ  ผมไม่เจ๋งเลยสักนิด  มันน่ากลัวนะที่จะคิดว่าตัวเองเจ๋งแค่ไหน  ถ้าทำได้ก็อยากทำลายตัวตนแบบนั้นทิ้งไปซะเหมือนกันครับ

รุกิ : อื้อๆ ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ  ฉันจะรู้สึกว่าตัวเองเจ๋งก็ตอนนั่งดูไลฟ์ล่ะ  พอคิดแบบนั้นก็อยากจะติดอยู่กับความเจ๋งนั้นไปจนถึงที่สุดเลย

โช : ไม่น๊า  นั่นเป็นไปไม่ได้เลยล่ะครับ!

รุกิ : นายเป็นคนขี้อายรึไงกัน?

โช : ก็ใช่น่ะสิครับ

รุกิ : น่ารักจริงน๊า (หัวเราะ)



-- 30 นาทีผ่านไปแล้วนา  หมดเวลาสนุกแล้วสิ

โช : อา.. จะเป็นอะไรมั้ย  ถ้าผมจะขอพูดอะไรสักหน่อย! มีเรื่องนึงที่อยากจะบอกรุกิซังน่ะครับ

รุกิ :  พูดเลยๆ (หัวเราะ)

โช : รุกิซังไปเก็บภาพต่างๆ จากที่ไหนมาเหรอครับ  คือ ผมอยากรู้ว่าไปเก็บข้อมูลสำหรับแต่งเพลงมาจากที่ไหนบ้าง  ถ้าบอกผมสักอย่างล่ะก็..ผมคงตายตาหลับ

รุกิ : ถามงี้ก็ขึ้นสวรรค์ไปซะเลยนะ! (หัวเราะ) แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ! (หัวเราะ) ไม่นะ.. ไปเก็บข้อมูลมาจากที่ไหน?  ฉันเองก็สงสัยเหมือนกันล่ะ  แต่ก็ไม่มีที่ไหนเป็นพิเศษหรอก  จริงๆนะ.. สำหรับฉัน.. ทั้งดนตรีและดีไซน์มันจะกลมกลืนกันได้ในตัวของมันเอง  เราไม่ได้แยกไปช่วยกันเก็บข้อมูลอะไรหรอก...... 
แต่ว่า ฉันล่ะชอบเรื่องยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นลับหลังมากเลยล่ะ (หัวเราะ)  พวกเรื่องนินทาเนี่ยชอบมาก (หัวเราะ)  เพราะมันทำให้ฉันได้ข้อมูลเยอะเลยนะ (หัวเราะ) ก็ฉันไม่ใช่คนเข้าสังคมนี่ แต่การได้รับรู้หลายเรื่องจากการนินทาเป็นอีกทางที่ฉันชอบล่ะ

โช : ผมคิดว่า เนื้อเพลงของรุกิซังสามารถสื่อถึงธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างชัดเจนมาก  ถ้าหากมีจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์  ก็คงจะเห็นสิ่งที่ผิดเป็นถูก  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงรู้สึกได้ว่า รุกิซังเป็นคนที่มิจิตใจที่บริสุทธิ์มากจากเนื้อเพลงที่เขาเขียน  ส่วนของผมน่ะ ส่วนมากเป็นเพลงที่มีเนื้อหาสวยงาม  ก็เคยคิดเหมือนกันว่าอยากจะปรับบางส่วนให้ดูแรงขึ้นบ้าง 

รุกิ : เข้าใจแล้วล่ะ

โช : เพราะแบบนี้แหละ รุกิซังถึงเป็นคนที่ยอดเยี่ยมสุดๆ!

รุกิ : ฮ่ะ ฮ่าๆ อะไรของนายเนี่ย  จู่ๆก็ชม (หัวเราะ) แต่ก็ขอบคุณนะ (หัวเราะ)

โช : ผมยังอยากคุยด้วยอีกหน่อยน๊า  กรุณาไปดื่มคลายเครียดกับผมบ้างนะครับ!

รุกิ : ได้สิ ตอนนี้เลยก็ได้นะ  Alice Nine เองก็พยายามต่อไปอย่างเต็มที่นะ  พวกฉันเองก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเหมือนกัน  ใช่แล้วล่ะ.. พวกเราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อต้นสังกัดที่คอยสนับสนุนเรามาตลอด

โช : ครับ  เราจะทำให้ดีที่สุด!  ขอบคุณสำหรับวันนี้ครับ!

รุกิ : เช่นกัน  ถ้าเราไปดื่มกัน  อย่ามีพิธีรีตองมากนักเลยนะ (หัวเราะ)

โช : จะพยายามแล้วกันนะครับ (หัวเราะ)